บันทึกนายแว่นธรรมดา "สามประสานแห่งหุ้นคุณค่า"

ในโลกของการทำธุรกิจก็คล้ายๆ กับการทำสงครามอย่างหนึ่ง แต่เป็นสงครามทางการค้าครับ และแน่นอนที่สุดว่าในสงครามการค้า บริษัทที่ชิงความได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้าได้นั้น ย่อมมีชัยเหนือกว่าบริษัทที่มีจุดอ่อนด้อยมากกว่า ยกเว้นว่าบริษัทที่เล็กกว่า หรือด้อยกว่านั้นจะมี “จุดเด่น” เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แต่หากเรามาพิจารณาถึงการลงทุนในบริษัท หรือลงทุนในหุ้นคุณค่า ผมมีหลักหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาเลือกบริษัทที่จะลงทุน ผมขอเรียกแบบเท่ๆ ว่า “สามประสานแห่งหุ้นคุณค่า” ซึ่งประกอบไปได้ ทัพหน้า ทัพบัญชาการ และทัพเสบียง มาดูกันครับว่าในรายละเอียดของแต่ละทัพมีอะไรบ้าง

ทัพหน้า

สำหรับทัพหน้าคือ “กองทัพ” ที่ใช้บุกตะลุยเพื่อยึดเอาหัวเมืองต่างๆ หรือยึดเอาพื้นที่ในใจของผู้บริโภค ส่วนประกอบของทัพนี้ก็ได้แก่ การทำตลาด การทำโปรโมชั่น การสร้างแบรนด์ การวางหมากทำเลที่ตั้งสินค้า วางทำเลที่ตั้งร้านค้า รวมถึงคุณภาพของสินค้าที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ หากทัพหน้านี้มีความสามารถสูงก็จะสามารถ “ผลิตกระแสเงินสดเข้าสู่บริษัท” ได้มาก สำหรับผมนั้นยิ่งมากยิ่งดี หัวใจสำคัญก็คือ “คุณภาพ” ของสินค้า และบริการ หากสินค้ามีคุณภาพดีจะเกิดปรากฏการณ์ “บอกต่อ” ทำให้คนอื่นหันมาลองใช้สินค้าบ้าง หากดีจริงสินค้าก็จะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วครับ

ทัพบัญชาการ

สำหรับทัพบัญชาการ หรือทัพกลางนี้ ผมให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภายใน การวางกลยุทธ์ การควบคุมการผลิต การควบคุมสินค้าคงคลัง การใช้จิตวิทยาในการบริหารจัดการให้คนในองค์กร “รักงาน รักบริษัท” ทำงานอย่างมีความสุข หัวใจสำคัญของทัพกลางนี้ก็คือ “ผู้บริหารสูงสุด” หรือ CEO สิ่งที่สำคัญก็คือ “ทัศนะคติ” หาก CEO มีทัศนะคติในการวางแผนบริหารจัดการที่ถูกต้อง และยาวไกล แน่นอนที่สุดว่าทัพกลางจะเป็นตัวเชื่อมที่ดีมีประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ

ทัพเสบียง

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทัพเสบียงเปรียบเสมือน “กองหลัง” ที่คอยส่งเสริมให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างหมดห่วง หรือหมดกังวล ทัพเสบียงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ “การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน” หากทัพหน้าเป็นจุดที่กระแสเงินสดใหลเข้าบริษัทแล้ว ทัพหลังก็เปรียบเสมือนจุดรั่วไหลของเงินหากบริหารจัดการไม่ดี บริษัทไหนที่สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้ต่ำกว่าย่อมได้เปรียบกว่า ต้นทุนทางการเงิน ได้แก่ แหล่งเงินกู้ การจัดตั้งกองทุนฯ การระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ การบริหารจัดการหนี้ให้มีต้นทุนต่ำที่สุด และการจัดหาเงินทุนมาเติมให้กับกองทัพเพื่อรุกไปข้างหน้า

“สามประสานแห่งหุ้นคุณค่า” ที่ดีจะแตกต่างกันในแต่ละบริษัท เราควรเลือกบริษัทที่มีความได้เปรียบที่สุด และถ้าได้เปรียบอย่างยั่งยืนยาวนานยิ่งดีมากครับ ถ้าเรามองภาพไปข้างหน้า เห็นว่าภาพใหญ่เป็นอย่างไร การสงครามทางการค้ามีขนาดใหญ่ได้มากแค่ไหน และใครจะเป็น “ผู้ชนะ” เราจะเลือกลงทุนได้ถูกตัว ถ้าเราได้หุ้นดีมาอยู่ในมือแล้ว ก็ปล่อยให้ “เวลา” เป็นเพื่อนที่คอยสร้าง “คุณค่า” ให้กับหุ้นในพอร์ตเราได้ไม่ยากครับ

มองหาหุ้นคุณค่าจากทัพทั้งสาม ลองปรับไปใช้กันดูนะครับ

(นายแว่นธรรมดา)

ขงเบ้ง เล่าปี่