รู้ทันหุ้น "เรื่องเล่าจากหลังฉาก"

เรื่องที่ผมจะบอกเล่าต่อไปจากนี้เป็นเรื่องสมมุตินะครับ ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงกับการลงทุนได้ครับ โปรดใช้วิจารณญานในการรับข้อมูลข่าวสารครับผม [premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความนี้กรุณา”]… เรื่องเริ่มต้นจากนักธุรกิจท่านหนึ่งได้สร้างบริษัทเล็กๆ ที่ค่อนข้างจะโปร่งใส ตรงไปตรงมา แต่ด้วยเงินทุนที่น้อยผลประกอบการจึงลุ่มๆ ดอนๆ มาโดยตลอด… จนอยู่มาวันหนึ่งได้มีกลุ่มนายทุนมองเห็นศักยภาพของบริษัทแห่งนี้ว่าสามารถนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แม้จะมีผลประกอบการขาดทุนบ้าง กำไรบ้างในบางปี แต่ด้วยพื้นฐาน และลักษณะธุรกิจของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ก็ทำให้กลุ่มนายทุนดังกล่าวสนอกสนใจในบริษัทแห่งนี้เป็นอย่างมาก

หากใครเคยมีประสบการณ์ดังกล่าวจะรู้ดีว่าการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะจะต้องผ่านด่านอรหันหลายประการ ได้แก่ การจัดทำบัญชีอย่างโปร่งใส การมีระบบบริหารจัดการที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ การทำตามมาตราฐานทาง CG score และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญก็คือ บริษัทต้องมี “กำไร” หลายไตรมาส ติดต่อกัน

จับจังหวะการลงทุน นายแว่นธรรมดาแต่ก็มี “วิธีบางอย่าง” หรือเรื่องราวที่ไม่ถูกเปิดเผย ก็คือการที่กลุ่มทุนมองเห็นศักยภาพของบริษัทดังกล่าว แล้วอยาก “ปั้น” บริษัทแห่งนี้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ก็จะใช้เม็ดเงินในการช่วยบริษัทเล็กๆ จากที่เคยขาดทุน หรือมีกำไรอยู่บ้าง แต่มีแววที่จะเิติบโต และปั้นดินให้เป็นดาว หรือผลักดันบริษัทเล็กๆ นอกสายตาเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยเม็ดเงินของ “ทุน” ที่ยังไม่เปิดเผยตัวตน วิธีการก็สารพัดรูปแบบครับ ทั้งทางตรง และทางอ้อม พอสร้างผลกำไรได้จนน่าเชื่อถือก็จะทำการ “แต่งตัว” เพื่อนำเข้ามาเทรดในตลาด หรือเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำราคาให้น่าดึงดูด ด้วยเม็ดเงินที่พอเหมาะก็สามารถทำราคาสำหรับหุ้นตัวเล็กได้ไม่ยากครับ เมื่อราคา “ถึงจุด” ก็ต้องขอคืนกำไรจากคราวที่ผลักดันเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนเสียก่อนครับ ด้วยการขายออกมาคืนทุนระยะแรกไปเสียก่อน

จากที่เล่ามาดูเหมือนบริษัทใหม่นี้จะมีแววให้เห็นว่า เป็นแค่การเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ

อันที่จริงบริษัทเล็กๆ จะสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้นต้องมีดีพอตัวครับ ลึกๆ แล้วอาจมีโครงการบางอย่างที่น่าสนใจกว่าตัวธุรกิจเดิมๆ ซึ่งนายทุนเท่านั้นที่อาจจะรู้ดี และเมื่อลงทุนไปแล้วกว่าจะคืนกำไร หรือถึงจุดคุ้มทุนก็อาจใช้เวลาเป็นปี ถึงหลายปี ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างพวกเราที่รอไม่ไหว และต้องขายจากการไปซื้อที่ราคาสูง ต้องบาดเจ็บอย่างหนัก เมื่อมีคนขายแล้วใครล่ะครับที่จะเป็นคน “ซื้อกลับ”

เมื่อเวลาผ่านไปนักลงทุนรายย่อยที่เจ็บตัวจากการตกต่ำของราคาแล้วทนไม่ไหวต่างก็ถอนตัวออกไปเกือบหมด คงเหลือแต่นักลงทุนบางกลุ่ม รวมทั้งกลุ่มทุนข้างต้นที่ซื้อหุ้นในราคาลดแหลก เมื่อถึงจุดคุ้มทุน กำไรโต ราคาก็พุ่ง ทำให้นักลงทุนหลายคนต่างก็งงงวยกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้วล่ะครับ

ได้อ่านเรื่องราวที่ผมเล่ามาแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ อันที่จริงแล้วเราไม่สามารถรู้ข้อมูลเชิงลึกได้เลยครับ แต่นักลงทุนบางท่านแม้ไม่มีข้อมูลดังกล่าว แต่ถ้ามองธุรกิจเป็น และคิดจะลงทุนไม่ใช่การเก็งกำไร ก็จะมองเห็นพื้นฐานดีที่ถูกซ่อนอยู่ใต้พรม และกลยุทธ์ที่จะใช้หากต้องการลงทุนในหุ้นที่บอกเล่ามานี้ก็คือ ต้องมองหามูลค่าที่เหมาะสมให้พบ หาจังหวะการเข้าซื้อ แล้วก็ “ถือยาว” นั่นเองครับ

โนโลกของการการเก็งกำไรนั้น คงมีนายทุนน้อยคนที่สามารถรอได้หลายๆ ปี เพราะเป็นใครก็อยากจะคืนทุนเร็วๆ แต่ถ้าเรารอได้ โอกาสที่จะชนะก็เป็นไปได้แล้วล่ะครับ

(นายแว่นธรรมดา)
[/premium]