เปลี่ยนตัวเองใหม่ ไม่ยาก : อะไรต่อจากนี้ไปอีก 3-5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณได้บ้าง?

อะไรต่อจากนี้ไปอีก 3-5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณได้บ้าง?

บางครั้งเราก็ต้องหันมา “ทบทวน” สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทำ ทัศนคติของเราว่า… มันถูกต้องมากน้อยแค่ไหน… หลายคนไม่อยากอยู่ในวัฏจักรเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่ และไม่รู้ว่าจะหาทางออกจาก “วังวน” ของชีวิตตนเองได้อย่างไร?

สำหรับผมแล้วลองยกตัวอย่างเป็น “กรณีศึกษา” สำหรับผู้ที่ต้องการหาทางออกจากวังวนชีวิต และอยากเปิดโลกใบใหม่ในจิตใจของตนเอง

เปลี่ยนตัวเองใหม่

กรณีแรก “ลงทุนหุ้นเพื่ออิสรภาพทางการเงิน”

กรณีนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง โดยผมลองตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อหลายปีมาแล้วว่า หากผมมีเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นราว 5% ต่อปี ผมต้องลงทุนเท่าไรจึงจะมีค่าใช้จ่ายที่เพียงพอใช้ไปตลอดทั้งปี โดยผมตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่มีเงินใช้จ่ายเดือนหลายหมื่นบาท (เนื่องจากผมมีครอบครัวแล้ว) …

จากนั้นผมจึงมองหาหุ้นที่น่าจะปันผลได้ 5% ต่อปีในอีก 3-5 ปีข้างหน้า และก็พบกับหุ้นตัวหนึ่งที่ให้คำตอบกับโจทย์ข้อนี้ ผมจึงลงมือสะสมหุ้นทันที และใช้เวลาสะสมมาแล้วเกินกว่า 3 ปี โดยมีหุ้นตัวนี้หลักหลายแสนหุ้น เมื่อกิจการเติบโต เริ่มอยู่ตัวจึงปันผลออกมาตามโจทย์ที่ผมได้กำหนดเอาไว้เมื่อสามปีที่แล้วนั่นเอง… โดยหุ้นตัวดังกล่าวเป็นหุ้นในพอร์ตตัวหนึ่งจากหลายสิบตัวในพอร์ตการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามกรณีนี้อาจจะต้องใช้เงินมากพอตัว แล้วผมเอาเงินมาจากไหน? นั่นคือที่มาของกรณีที่สอง

กรณีที่สอง “ทำกิจการสร้างกระแสเงินสด”

ผมลองคิดต่อว่า… จะทำอย่างไรจึงจะมีกระแสเงินสดมาซื้อหุ้นที่ผมต้องการเงินปันผลมาหล่อเลี้ยงครอบครัวเล็กๆ ของตัวเอง… เมื่อลองคิดๆๆ ทบทวนดูจึงพบว่า… “เราต้องทำกิจการเพื่อสร้างกระแสเงินสด” กิจการดังกล่าวก็คือ การทำ Online Digital ต่างๆ ได้แก่ การทำ content การสร้าง application การขายของออนไลน์ หรืออะไรก็ตามที่ตอบโจทย์ด้านออนไลน์ สาเหตุที่ผมเลือกด้านนี้ก็เพราะ ใช้ทุนไม่สูงมาก แต่ต้องออกแรงเยอะหน่อย คือ ต้องใช้แรงแลกเงิน แต่เป็นการทำงานกับคอมพิวเตอร์ ทำงานออนไลน์ ทางถนัดเลยล่ะครับ!

images

กรณีที่สาม “สร้างสรรค์งานลิขสิทธิ์”

ผมมาพิจารณาว่า ข้อเสียของ งานที่ผมต้องทำงานแลกเงินนั้น… เราจะต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้เราไม่สามารถหยุดทำงานได้ จึงทำให้ผมลองคิดดูว่าจะทำอะไรได้บ้างที่แม้เราไม่ต้องทำงานก็มีเงินหมุนเข้ามา และแล้วคำตอบของสิ่งนั้นก็คือ การสร้างสรรค์งานลิขสิทธิ์ต่างๆ อันได้แก่ การเขียนหนังสือ การแต่งเพลง งานศิลปะ เป็นต้น โดยแนวคิดก็คือแม้ยามเราหยุดทำงานก็มีเงินหมุนเข้ามาในชีวิต เพราะพอเขียนหนังสือเสร็จแล้ว (จะยากลำบากในตอนต้น) ก็รอรับกระแสเงินสดไปเรื่อยๆ จนกว่าหนังสือของเราจะหมดความนิยม หรือหากเราโชคดี หนังสือบางเล่มสามารถขายได้ข้ามปี ไปหลายๆ ปีเลยก็มีครับ (หนังสือของนายแว่นธรรมดา ได้เป็นหนังสือระดับ best seller หลายปก)

แล้วอะไรต่อจากนี้ไปอีก 3-5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณได้บ้าง? นั่นคือคำถามที่คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ ผมเองก็ยังคงเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะหากเราหยุดนิ่ง = เราถอยหลัง ที่สำคัญอย่ามัวแต่คิดเพียงอย่างเดียว ต้องหาสิ่งที่เรารักที่จะทำให้เจอ สิ่งที่เราจะทำมันไปจนวันสุดท้ายของชีวิตโดยไม่รู้สึก “ทุกข์”  และเราต้อง “ลงมือทำจริง” จึงจะประสบความสำเร็จตามที่เราตั้งใจเอาไว้ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านเสมอนะครับ (นายแว่นธรรมดา)

หากยังไม่จุใจ สามารถหาอ่านเรื่องราวของแนวคิดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และการตกแต่งบ้าน หลากหลายสไตล์ คลิ๊กอ่านต่อได้เลยจ๊า… คลิ๊กอ่านที่นี่

สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับอานิสงค์ โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าในเมือง ก็คือ “คอนโดมิเนียม” นั่นเอง

ติดตามอ่านทุกเรื่องราวของ “คอนโดมิเนียม ทำเลเด่น” คลิ๊กอ่านต่อที่นี่เลยครับ

www.topofliving.com : สนใจติดต่อให้ทีมงานไปรีวิวโครงการเด่นน่าสนใจ ที่นี่ [email protected]

Top Banner

[เกี่ยวกับผู้เขียน]

โปรดติดตาม “ลงทุนคอนโดไม่ยาก” กับนายแว่นธรรมดาได้ในบทความต่อไป และขอแนะนำหนังสือ “ลงทุนคอนโด ไม่ยาก” เขียนโดยนายแว่นธรรมดา และคุณเพชร ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมิน และลงทุนคอนโดมิเนียมตัวจริง วางขายตามแผงหนังสือทั่วประเทศนะครับ

ลงทุนคอนโดไม่ยาก