วิเคราะห์หุ้นแสนสิริ อีกซักครั้ง

SIRI

บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่น่าสนใจเสมอครับ ผมเคยวิเคราะห์ไปแล้ว แต่คุณเกมต้องการทราบการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าน่าสนใจไม่น้อยจึงขออนุญาติเพื่อนๆ นำมาวิเคราะห์อีกครั้งครับ มาดูสินค้าของบริษัทแสนสิริกันก่อน ต้องเข้าใจก่อนว่าบริษัทพัฒนาอสังหาฯ จะมีแนวทางการทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป ไม่ใช่บริษัทอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ซึ่งซื้อที่ดินมาพัฒนาเพื่อปล่อยเช่าและเก็บค่าเช่าเป็นรายได้ประจำ แต่มาปัจจุบันแสนสิริได้ทำทั้งสองแบบที่กล่าวมาโดยมีสัดส่วนดังนี้ครับ
[premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความนี้กรุณา”]

ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขาย

แสนสิริพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ โฮม ออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม ครอบคลุมทุกระดับราคา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์ของแสนสิริในทุกระดับราคา ยังคงคุณภาพตามมาตรฐานของแสนสิริ สำหรับการเปิดโครงการในปี 2554 แสนสิริมุ่งเน้นการขยายโครงการไปยังกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น และได้ขยายการพัฒนาโครงการไปยังทำเลตากอากาศที่มีชื่อเสียง นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือบริเวณย่านธุรกิจเป็นหลัก โดยแสนสิริได้เปิดโครงการบ้านเดี่ยวนาราสิริ ไฮด์อเวย์ ซึ่งมีระดับราคาเฉลี่ย 15 ล้านบาทต่อยูนิต โครงการทาวน์เฮ้าส์ เรสซิเดนท์ สุขุมวิท 65 ซึ่งมีระดับราคาเฉลี่ย 18 ล้านบาทต่อยูนิต โครงการทาวน์เฮ้าส์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เรียกว่า “โฮม ออฟฟิศ” คือ โครงการบี สแควร์ พระรามเก้า-เหม่งจ๋าย ซึ่งมีระดับราคาเฉลี่ย 12 ล้านบาทต่อยูนิต เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการบ้านที่รองรับการอยู่อาศัยและทำงานได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ในปี 2554 แสนสิริได้พัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ตเป็นครั้งแรก ซึ่งจัดเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง โครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่เปิดขายคือ โครงการ “ดี คอนโด กะทู้” ซึ่งมีระดับราคาเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถปิดการขายได้ในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ (ที่มา 56-1)

ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า

แสนสิริมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าซึ่งก่อให้เกิดรายรับอย่างต่อเนื่อง (Recurring income) แบ่งเป็น อาคารสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง ได้แก่ อาคารสิริภิญโญ ถนนศรีอยุธยา และอาคารภักดี ถนนวิทยุ นอกจากนี้ แสนสิริยังมีโครงการขายสิทธิการเช่าอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย โครงการ ซัน สแควร์ สีลม ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ และโครงการ บ้านแสนสิริ ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารที่พักอาศัย นอกจากนั้นยังมีธุรกิจด้านการศึกษา ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจสปา (ลองเข้าไปหาอ่านรายละเอียดใน 56-1 ดูนะครับ)

ตัวเลขยอดขายโครงการของแสนสิริ (เฉพาะบ้านเดี่ยว) จะเห็นว่าจำนวนการปิดยอดการขายเพิ่มขึ้น และยอดขายสูงที่สุดจะอยู่ที่ทำเลหน้าบ้านหันไปทางทิศเหนือ แสดงว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเชื่อด้านทำเลพอสมควรทีเดียวครับ ส่วนตัวเลขในปี 2554 ก็มียอดปิดการขายที่สูงขึ้นจาก 8 พันกว่าล้าน ไปเป็น 9 พันล้านเศษ ถือว่าเติบโตขึ้นครับ ในส่วนของทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมผมไม่ได้แจงตัวเลข แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเช่นกันครับ

ตัวเลขทางการเงิน

ตัวเลขทางการเงินจะเห็นได้ว่าบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องยกเว้นปี 2011 ที่อัตราการเติบโตติดลบ ผมไม่แน่ใจสาเหตุนะครับลองเช็คดูนะครับ ลองคำนวนอัตราการเติบโตกำไรสุทธิจากตารางข้างต้นในปี 2554 -2555 = 7.49 % มี % ปันผลที่ค่าว่าจะได้รับในปี 2555 = 2.06% (ตัวเลขจาก set.or.th) ผมจึงลองคำนวน PE ล่วงหน้าได้เท่ากับ 7.49 + 2.06 = 9.55 (สอดคล้องใกล้เคียงกับตัวเลขในตาราง) หากสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ ผมให้บวกลบไม่เกิน 3 เท่า พีอีในอนาคตน่าจะอยู่ระหว่าง 7 – 12 เท่า แสดงว่ายังอาจจะมี Mos ให้เติบโตได้อีกพอสมควรทีเดียวครับ แต่ด้วยมุมมองของหุ้นเติบโตที่ควรมีอัตราการเติบโตของกำไรเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ปัจจุบันแสนสิริยังทำได้ไม่ถึงจึงทำให้เราต้องระมัดระวังในการลงทุนพอสมควรครับ โดยจะเห็นได้จากตารางที่ระบุค่าพีอีในปี 2013 ลดลงเหลือเพียง 6 เท่าครับผม

ลองพิจารณาดูครับ ข้อมูลต้องมากกว่านี้ลึกกว่านี้ และตัดสินใจดูครับว่า “สิริ” น่าสนใจแค่ไหนสำหรับนักลงทุนแนววีไออย่างคุณเกม

(เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการรับข้อมูลข่าวสารนะครับ)

ขอบคุณสำหรับคำถามครับ
(นายแว่นธรรมดา)

Update ข่าว SIRI

SIRIขายเดอะเทอร์ทีไนน์เกลี้ยงติดชาร์ตหุ้นเด่น-ตุนงานเต็มมือ SIRI โชว์ศักยภาพเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เทอร์ทีไนน์ ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท เกลี้ยงเพียงวันเดียว มูลค่า 2,700 ล้านบาท ด้านโบรกยกให้เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอสังหาหลังตุนงานในมือสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท และผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2555 แจ่ม
[/premium]