รู้ทันหุ้น… "การลงทุนแบบ passive Vs การลงทุนแบบ Active"
การลงทุนที่ผมจะกล่าวถึงจะกล่าว
[premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความนี้กรุณา”]
การลงทุนแบบ active … หมายถึง การลงทุนโดยที่เราหวังส่วนต่างข
การลงทุนแบบ passive … หมายถึง การลงทุนในหุ้น ซื้อหุ้นลงทุนแบบทำกิจการร่วมกั
การลงทุนสองรูปแบบขึ้นอยู่กับ “ความถนัด” ส่วนบุคคลครับ ไม่มีอะไรผิด อะไรถูก … เพื่อนๆ ชอบแบบไหน แลกเปลี่ยนกันได้นะครับ … ไว้คราวต่อๆ ไปจะมาพูดคุยกันให้ลึกมากขึ้นนะ
[/premium]
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนจาก 31.5 ไปถึง 33 กว่า ก็คือช่วงที่ BOT ลดดอกเบี้ยปลายพฤศจิกายนครับ (เนื่องด้วยความเห็นของ กนง ตอนนั้นคิดว่าสภาพเศรษฐกิจชลอตัวมากจึงมีความเห็นตรงกันว่าควรจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) ต่อเนื่องมาด้วย พรบ นิรโทษกรรม และ ปัญหาการเมือง จนถึงปลาย ธค Fed ลด QE ซ้ำเติม จึงเห็นได้ว่าเงินอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วช่วงปลาย ธค56 ถึง กลาง มค 57 จนกระทั่ง มติ กนง เมื่อ วันที่ 21 มค 57 ที่ประกาศคงดอกเบี้ยไว้ เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ว่าจะต้องลดดอกเบี้ยลง จึงทำให้ ค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพและเงินบาทค่อย ๆ แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีนี้ผมว่าต้องว่าต้องลองดู มติ กนง ในช่วงเดือนหน้าว่าจะลดดอกเบี้ยลงหรือคงดอกเบี้ยไว้ครับ ถึงจะบอกทิศทางของค่าเงินบาทได้ชัดเจน แต่จากบทสัมภาษณ์ของ BOT กับ รายงาน กนง (http://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Documents/MPC_12557.pdf) ทิศทางน่าจะค่อนข้างชัดเจนว่าคงจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย เร็ว ๆ นี้ตรงกันข้ามอาจจะลดดอกเบี้ยด้วยซ้ำ ในการประชุมรอบถัดไปหรือรอบกลางปี ซึ่งเห็นได้จากมติ 4 ต่อ 3 ว่าจะคงดอกเบี้ยในรอบที่แล้ว ดังนั้นกรอบค่าเงินช่วงกลางปีถึงปลายปี คงจะอยู่ในช่วง 33 – 33.75 บาท ครับ
ในช่วงระยะสั้นอาจจะเห็นเงินบาทแข็งขึ้นไปจนเกือบ ๆ แตะ 32.5 บาทก็คงจะเป็นไปได้ครับ