อยากมีธุรกิจส่วนตัว ไม่ยาก … "อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องทำอย่างไรบ้าง"
(บทความโดย… นายแว่นธรรมดา)
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว โดยมีหุ้นส่วนอีกสองคน คือเพื่อนสนิทสมัยที่ร่ำเรียนกันมาในรั้วมหาวิทยาลัย … ผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า “อยากจะทำธุรกิจ” เพราะในใจ ณ.ตอนนั้นผมคิดแค่เพียงต้องการทำงานประจำที่มั่นคง เก็บเงินให้ได้มากๆ เอาเงินเก็บไปออม หรือลงทุนให้มันงอกเงย ซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก … คือการใช้ชีวิตที่เป็น “อุดมคติ” สำหรับผมในตอนนั้น …
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนสนิทของผมก็ชักชวนมาทำธุรกิจ… โดยที่ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรดี … จนเพื่อนผมที่ชวนทำธุรกิจนำเสนอไอเดียจากงานวิจัยในรั้วมหาวิทยาลัยที่เราจบมานั่นเองครับ … อย่างไรก็ตามมีคนเคยบอกพวกเราไว้ว่า … “อย่าทำธุรกิจกับเพื่อน” เพราะจะเสียเพื่อน ผมเห็นว่าจริงแค่ครึ่งเดียว แต่ประเด็นดังกล่าวขอยกไว้คุยกันในคราวต่อๆ ไป … เพราะบทความในครั้งนี้ผมขอบอกเล่าวิธีการ “เตรียมตัว เตรียมใจ” ในการทำธุรกิจว่าเราต้องเป็นคนอย่างไรบ้าง … ลองมาดูกันครับ …
อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องมองพฤติกรรมผู้บริโภคให้ออก …
สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจนั้นหากเราไม่มีความสามารถในการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคเอาเสียเลย เราจะเสียเปรียบคนที่มีความสามารถในด้านนี้นะครับ การทำความรู้จักกับพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นไม่ยากอย่างที่คิด แต่ต้องอาศัยทักษะ และฝึกฝนบ่อยๆ โดยสามารถเริ่มต้นจากการสังเกตสิ่งใกล้ตัว ยกตัวอย่างเช่น การยืนรอเงินทอนหน้าเคาท์เตอร์ร้านสะดวกซื้อ หากเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าบางคนรู้สึก “หงุดหงิด” ที่ต้องรอทอนเงิน และไม่ชอบรับเงินทอนเป็นเหรียญอีกต่างหาก แบบนี้จึงทำให้ร้านสะดวกซื้อชื่อดังคิด “บัตรเติมเงินสด” ออกมา และก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีครับ
อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องวางแผนทางการเงิน …
หลายคนออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่คิดวางแผนทางการเงินเสียก่อน เวลาธุรกิจกำลังไปได้สวย แต่ต้องมาสะดุดที่การขาด “สภาพคล่อง” ทางการเงิน บางรายถึงขั้นเสียหาย และเจ๊งไปก็มีครับ … การวางแผนทางการเงินนั้นไม่เพียงแต่เงินที่ต้องใช้ในการประกอบกิจการ แต่รวมถึงเงินที่เราต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วยครับ … ก่อนที่เราจะออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเต็มตัว… ควรมีเงินใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะปลอดภัยครับ
อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องรู้จัก “โมเดลธุรกิจ”
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่เราเห็นกันนั้นส่วนใหญ่แล้ว “หัวใจ” ของธุรกิจก็คือ “โมเดลธุรกิจ” หรือผมขอเรียกง่ายๆ ว่า … “ต้นแบบความสำเร็จ” ก็แล้วกันครับ เจ้าโมเดลดังกล่าวนั้นในสถาบันชื่อดังหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เป็นศูนย์บ่มเพาะธุรกิจมีการเปิดอบรมกันเป็นเรื่องเป็นราวกันทีเดียวครับ … ผมขอยกตัวอย่างโมเดลธุรกิจอย่างง่าย ก็คือ การขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ โดยการขยายสาขานั้นหากเราทำแล้วประสบความสำเร็จ และตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ ก็จะได้รับสิทธิ์ในการขยายสาขาไปเรื่อยๆ สิทธิ์ที่ผมกล่าวก็คือ การยอมรับของผู้บริโภคนั่นเองครับ … ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือก็ควรคิด “โมเดลธุรกิจ” ของเราให้ออกเสียก่อนก็จะดีกว่าที่เราลงมือทำแบบไม่มีตัวต้นแบบนะครับ
อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องเขียนแผนธุรกิจ
สำหรับข้อนี้ถือว่า “เบสิก” ที่สุดในกลุ่มของเจ้าของกิจการ… การเขียนแผนธุรกิจนั้นตามหลักการจะมีทั้งหมด 4 แผน ได้แก่ แผนการตลาด แผนการผลิต แผนการเงิน และแผนการจัดการทรัพยากรบุคคล … หากเราคิดอยากทำธุรกิจจริงๆ จังๆ แต่ยังไม่พร้อม … ลองร่างแผนธุรกิจของเราเองขึ้นมาครับ … ถ้าคิดว่ามัน “เจ๋ง” มากพอ ก็ลองนำแผนไปเสนอกับแหล่งเงินทุนของเราได้เลยครับ
อยากทำธุรกิจส่วนตัวต้องสร้าง “Network”
คำว่า Network หรือ “เครือข่าย” นั้น… สำคัญสำหรับการทำธุรกิจมากๆ ครับ … การที่เรามีเพื่อน หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีต่อกัน เวลาเราประสบกับปัญหา หรือต้องการจะต่อยอดธุรกิจก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาได้ … หากเราไม่มีเครือข่าย เราก็สามารถสร้างเครือขายเสมือนขึ้นมาได้ครับ ด้วยการลอง “ออนไลน์” หรือสร้าง Network ผ่านเครือข่าย Social Network ชื่อดังต่างๆ และพยายามมองหาช่องทางการทำธุรกิจดูครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองผมได้พบเพื่อนๆ ใน “แฟนเพจ” มากมายที่ช่วยกันเสนอแนะความคิดเห็นร่วมกัน แวะเข้าไปเยี่ยมกันได้ครับ https://www.facebook.com/IdeaMarketingwithNaiwaenTammada
เป็นอย่างไรบ้างครับ… รายละเอียดในบทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหลายส่วนที่ผู้ประกอบการ หรือคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวต้องพิจารณา ใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้น ผมแนะนำว่าควรจะเริ่มเมื่อเราพร้อมจริงๆ จะดีที่สุด .. แต่ใครที่ได้เริ่มไปแล้วลองสำรวจตัวเองดูครับว่ายังขาดสิ่งไหนอยู่บ้าง…
ไว้คราวต่อๆ ไปผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์การทำธุรกิจกันบ้าง หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับคนที่คิดอยากจะเป็นนายตัวเองนะครับ …
แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
http://www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)
เยี่ยมม ครับผม
ตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะอยากเป็นเจ้าของกิจการเอง แบบเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จัก
วันที่ลาออก ได้รับเงินเดือน โบนัส และเงินกองทุน ทั้งหมดโอนให้แฟนเก็บไว้หมด แฟนโอนกลับมาให้ 15,000 บาท เป็นเงินเริ่มกิจการ
ด้วยความที่เป็นผู้สอบบัญชี และพอรู้ด้านบัญชีหน่อยนึง เลยคิดว่าธุรกิจแรกที่จะทำคงเป็นบริษัทรับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี
ปัญหาแรกคือจดทะเบียนบริษัท Search google มีรับจ้างจดทะเบียนบริษัท 10,000 บาท แต่ไม่สนใจเพราะเรามีเวลาว่างลองทำเอง เข้าเวปกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) ศึกษาข้อมูล
– จองชื่อ
– จดทะเบียนออนไล (คิดใครเป็นหุ้นส่วนไม่ออกก็คุณพ่อ คุณแม่เราเลย)
– ไปยื่นเอกสารกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ใช้เวลาทั้งหมด 1 สัปดาห์ ตื่นเต้นมาก จดตั้งบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 บาท (เงินลมๆๆ 555) แต่เสียค่าธรรมเนียมค่ารถ และตรายางไปร่วม 10,000 บาท
ปัญหาต่อมาจะหาลูกค้ายังไง ก็ใช้ google เปิดหาทุกเวปบอร์ดที่ให้ลงประกาศได้ คาดว่าลงไปเกือบทั้งประเทศไทยแล้ว 2 อาทิตย์ผ่านไป ทำไมมันเงียบอย่างงี้ ไม่มีคนติดต่อเลย
ทำให้เกิด Idea ว่าบริษัทควรจะมี Website แต่ด้วยงบที่เหลืออยู่ 5,000 เลยไม่สามารถจ้างคนทำ website ได้
เลยต้องใช้ความสามารถของตัวเอง เอาความรู้ ป.ตรี ที่โดนบังคับเรียน บวกกับลองดูเวปอื่นๆ
หมกตัวกับทำ Website mอยู่ 1 อาทิตย์ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ (www.kkn-accounting.com)
T__T แต่แล้วก็ยังเงียบไม่มีสัญญาณตอบรับจากลูกค้า เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ แต่ยังไม่มีรายรับเข้ามาซักบาท ตอนนั้นผมเครียดมากที่สุดในโลก
คิดตลอดว่า เราคิดผิดรึเปล่าที่ลาออกจากงาน ช่วงนั้นมืด 8 ด้านทำยังไงดี ท้อแท้ที่สุดในชีวิต
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าแกล้งทดสอบ มีบริษัทที่เคยสัมภาษณ์โทรมาบอกว่า เค้าสนใจอยากได้เราไปร่วมงาน ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่เค้าพอสมควร วินาทีนั้นอยากกลับไปทำงานประจำมาก
ผมรีบโทรไปหาแฟนเลยว่ามีบริษัทติดต่อจะให้ไปทำงานด้วย
แฟนผมพูดคำเดียวว่าแล้วไง ก็ปฏิเสธเค้าไปสิ จะไปทำไม ผมก็บอกแฟนไปว่าก็เปิดบริษัทมาไม่มีลูกค้าเลยอยากกลับไปทำงานต่อ
แฟนผม เธอว่าผมว่า นี่เธอเล่นขายของรึไง ได้พยายามทำอะไรให้สุดๆ รึยัง วันๆ อยู่แต่หน้าคอมจะมีลูกค้ามาหาหรอ
ต้องขอบคุณแฟนผมที่ได้เตือนสติ
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นผมได้ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน คือการเปิด walk in ไปทุกบริษัทแถวบ้านเข้าไปแจกนามบัตร แนะนำตัว แนะนำบริการ ทีละบริษัท ซึ่งปกติผมเป็นคนขี้อายมากๆ ผมได้ให้คำปรึกษาด้านภาษี และบัญชี กับคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังว่าเค้าจะเป็นลูกค้าเรา
ผมเริ่มมองหาทำเลในการโปรโมทบริษัท มองหาที่ให้เช่าป้ายโฆษณา ลองโทรไปถามปรากฏเดือนละ 50,000 แม่เจ้าๆๆๆ เลยลองมองตึกแถวเก่าๆ ร้านอาหารตามสั่ง ลองถามเถ่าแก้ร้านดูว่าขอติดป้ายผ้าใบโฆษณาได้มั้ย เฮียแกใจดีมาก ให้ติดไม่คิดค่าเช่า ^__^ แต่ผมก็ซื้อไข่ไก่ให้แก แล้วบอกว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ผมมองหาทำเลอีกประมาณ 4-5 แห่ง และก็จัดการติดโฆษณาให้หมด
จากนั้นก็ใช้บริการโฆษณากับ google (https://adwords.google.com) โดยจ่ายค่าโฆษณาเป็นคลิ้ก เพื่อให้เวปไซต์เราขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 เวลามีคน Search เกี่ยวกับบัญชี โฆษณาวิธีนี้ผมให้คะแนน 10 ดาว เด็ดที่สุดแล้วครับ
ตอนนี้ก็ครบ 2 เดือนของการเปิดบริษัท พอดีแม้จะยังไม่ค่อยมีลูกค้า แต่เริ่มมีลูกค้าโทรมาสอบถามงานบริษัทก็เริ่มดีใจ อยากบอกทุกคนว่า ที่เราเป็นเค้าเปิดบริษัทแล้วรวยๆ กัน เค้าต้องผ่านความยากลำบากมาทุกคน
สุดท้าย
เปิดบริษัทเอง ต้องทุ่มเทให้ถึงที่สุด ทำงานให้หนัก และอย่าท้อแท้
ความรู้ด้านบัญชีไม่ช่วยอะไร (ผมเป็นผู้สอบบัญชี ยังไม่ช่วยอะไรเลย)
ความรู้ด้านการตลาดสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้หาลูกค้าได้
ขอขอบคุณ
– แฟนผมที่ให้ผมใช้เงินประหยัดตอนนี้ใช้ไปยังไม่ถึง 20,000 บาท ทำให้ผมได้ทำอะไรด้วยตัวเอง
– ขอบคุณแฟนที่ ไม่เคยยอมให้ผมเป็นคนยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ใครที่กำลังจะเปิดกิจการ หรือเปิดกิจการแล้ว ถ้ามีอะไรให้ผมพอช่วยได้ ผมยินดีเสมอครับ แม้ผมจะเปิดบริษัท แต่ก็ไม่ได้หน้าเลือด ยินดีให้คำปรึกษาฟรีครับ
“การยื่นจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์”
ตอนนี้ไม่ใช่จดที่ กระทรวงพาณิชย์ แล้วนะครบ
ให้ไปจดที่สำนักงานเขต ฝ่ายการปกครอง
ค่าจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 50 บาท
เอกสารที่ต้องใช้จดทะเบียนพาณิชย์
1.จดจัดตั้ง (โดยเป็นเจ้าบ้าน)
-สำเนาบัตรประชาชน
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-หนังสือมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท
-สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ
-แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสถานที่สำคัญใกล้เคียง
2.จดจัดตั้ง (โดยมิได้เป้นเจ้าบ้าน) ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม
2.1หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่จากเจ้าบ้าน,
สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนเจ้าบ้าน
2.2เช่าสถานที่ ( เช่นเช่าอยู่อพาร์ทเม้นท์ คอนโด)
(1) ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลธรรมดา
-สำเนาทะเบียนบ้านของเลขที่ตั้งสถานประกอบการ
-สำเนาสัญญาเช่า พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
-สำเนาบัตรประชาชนผู้ให้เช่า
(2)ผู้ให้เช่ามีสถานะเป็นบริษัท
-สำเนาทะเบียนบ้านของเลขที่ตั้งสถานประกอบการ
-สำเนาสัญญาเช่า พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
-สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท
-หนังสือรับรองบริษัท พร้อมลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท
(3)กรณีการซื้ออาคารชุด/ห้องชุด ( เช่นซื้อห้องคอนโดเป็นของตัวเองแล้ว)
-สำเนาโฉนดที่ดิน/ห้องชุด
** การซื้อขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ต้องแนบหน้าเว็บไซต์และรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ด้วย**
ที่มา: เอกสารจากเจ้าหน้าที่เขต