ลงทุนหุ้นจากข่าว “ผ่าแผนปฎิรูปพลังงาน กับการลงทุนในหุ้น”
เตรียมพร้อมปฏิรูปพลังงาน (ข่าวจาก BizWeek)
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าแนวทางการทำงานของเรกูเลเตอร์จะผสานเป็นทิศทางเดียวกันกับปตท. ในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในธุรกิจพลังงาน ตามที่วางแนวทางเอาไว้ โดยการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญของหน่วยงานด้านพลังงาน ทำให้คสช.เริ่มเดินหน้าการปฏิรูปพลังงานทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับนโยบาย จนถึงระดับปฏิบัติอย่างปตท.
ทั้งนี้ ข้อเสนอของกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน คือ ต้องการที่จะให้ราคาพลังงานสะท้อนอุปทานและอุปสงค์ของตลาดที่มีการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยในกรณีที่ธุรกิจพลังงานมีลักษณะการผูกขาดโดยธรรมชาติ เช่น เรื่องของท่อส่งก๊าซ ก็เสนอให้มีการปรับโครงสร้างตลาดให้มีการแข่งขันมากขึ้น รวมทั้งกำกับดูแลกิจการอย่างเข้มงวด ที่จะช่วยให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับที่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค แนวทางที่จะดำเนินการ คือ เพิ่มการแข่งขันในธุรกิจน้ำมัน โดยให้ ปตท.อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า การลดการถือหุ้นของ.ปตท.ในกิจการโรงกลั่น SPRC และโรงกลั่น บางจาก การแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกจาก ปตท.เพื่อความโปร่งใสและง่ายแก่การกำกับดูแล
ในขั้นแรกให้.ปตท.ถือหุ้น 100% และในขั้นตอนที่สองให้แยกความเป็นเจ้าของออกจากกัน (ownership separation) โดยรัฐถือหุ้นเกินกว่า 50% ทั้งนี้ ผู้ที่ให้บริการส่งก๊าซฯห้ามทำธุรกิจที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เช่น ไฟฟ้า รวมทั้งการเปิดให้มีการให้บริการใช้ท่อก๊าซธรรมชาติแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access) เพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการซื้อก๊าซ … เราจะจับกระแสข่าวนี้มาใช้ในการลงทุนอย่างไร ติดตามได้เลยครับ… [premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความเพิ่มเติม กรุณา”]
“ผ่าแผนปฎิรูปพลังงาน”
เมื่อเรามาพิจารณาแผนปฎิรูปพลังงานเราจะพบว่า ในแผนจะแบ่งออกเป็น พลังงานหลักที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง พลังงานทดแทน การอนุรักษ์พลังงาน และการจัดการราคาของก๊าซ หากเราจะมาเจาะลึกแต่ละแผนเราสามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้ครับ 
พลังงานหลักที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
แผนนี้จะประกอบไปด้วยสิ่งที่สำคัญคือ นโยบายการต่อสัปทานขุดเจาะน้ำมันรอบใหม่ ทำไมการต่อสัญญาสัปทานจึงสำคัญ เพราะสัปทานเก่านั้นเป็นของต่างชาติที่เข้ามาขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย หากไม่มีการต่อสัญญา บริษัทอื่นที่จ้องอยากได้รับงานนี้ก็จะได้ประโยชน์ โดยปกติแล้วสัญญาสัปทานนั้นมีอายุหลายสิบปี เรียกว่าถ้าได้ไปจะทำให้สบายไปอีกนานครับ…
ถ้าเราพิจารณาต่อไปเราจะพบแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยมีสองแบบคือ IPP กับ SPP (รายละเอียดเกี่ยวกับเจาะหุ้นโรงไฟฟ้าอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.naiwaen.com/?p=3079) ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศไทยในอีก 5-10 ข้างหน้าเป็นอย่างมากครับ เมื่อเรามาดู Time Line หรือระยะเวลาการพิจารณาเราจะพบว่าสิ่งที่เราต้องจับจ้องเป็นพิเศษก็คือ การต่อสัญญาการส่งก๊าซจากพม่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญมากๆ ครับ เพราะท่อก๊าซที่ส่งมายังบ้านเรานั้นส่วนใหญ่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า หากไม่มีก๊าซอาจเกิดปัญหาไฟฟ้าดับได้ แบบนี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในบ้านเราจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเคยคิดเล่นๆ ว่า… เป็นไปได้มั้ยว่า… ต่อจากนี้ไปหุ้นโรงไฟฟ้าจะใหญ่พอๆ กับหุ้นน้ำมัน? ถ้าเรามีแนวคิดแบบนี้สำหรับผมแล้วคงต้องเริ่มสะสมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากันได้แล้วครับ
ส่วนของพลังงานทดแทน
ในส่วนนี้ต้องขอบอกว่า ณ.ปัจจุบันกำลังร้อนแรงมากๆ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และในอนาคตที่จะมาแรงอีกก็คือ “พลังงานจากขยะ” หากเรามาดูรายละเอียดเราจะพบว่า พลังงานแสงอาทิตย์กำลังจะมีบทบาทมากๆ ในประเทศไทย โดยแผนที่วางไว้ต้องการมีโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 2000 เมกะวัตต์ ผมคำนวณคร่าวๆ ด้วยความเชื่อของผมเองพบว่า… จะมีเงินหมุนเวียนเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ปีละกว่า 20000 – 50000 หมื่นล้านบาทครับ (หรืออาจจะมากกว่านี้) หากเป็นดังนี้เราต้องพิจารณาให้ดีว่าหุ้นตัวไหนจะได้รับอานิสงค์ในการนี้บ้าง โดยความเห็นส่วนตัวของผม หุ้นที่มีความพร้อมกว่าจะได้เปรียบ แต่ข้อเสียก็คือ จะมีคู่แข่งมากมายเข้ามาขอส่วนแบ่งนี้ครับ พลังงานที่น่าสนใจ และจะมี story ให้เล่นในช่วงต่อไปก็คือ “พลังงานจากขยะ” พลังงานจากขยะนี้ผมเข้าใจว่าจะเป็นเรื่องราวต่อจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะทำให้เกิดภาพของการเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเราจะพิจารณาให้ดีแล้วเราจะพบว่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะนั้นน่าจะสูงที่สุด เพราะต้องใช้พลังงานในการเก็บรวบรวม ทำแห้ง และเผาเพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า แต่พลังงานประเภทนี้จะมีภาพลักษณ์ที่ดีที่ช่วยลดปริมาณขยะในบ้านเราครับ
นโยบายเรื่องราคาก๊าซ
แผนนโยบายนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วที่สุด ผมเข้าใจว่าถ้าเปิดเสรีอาเซียน ราคาก๊าซน่าจะสูงขึ้นตามภูมิภาคนี้ เพราะราคาก๊าซบ้านเราราคาถูกกว่าเพื่อนบ้านทำให้เกิดการขนย้ายก๊าซออกนอกประเทศ เมื่อไรที่ราคาก๊าซปรับเข้าสู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หุ้นที่ขายก๊าซก็จะได้รับประโยชน์ค่อนข้างแน่นอนครับ เพราะราคาขายจะสูงขึ้น และส่งขายในประเทศเพื่อนบ้านในราคาปกติ ทำให้การลักลอบออกไปขายน้อยลงเนื่องจากไม่คุ้มค่าแล้ว แต่หุ้นขายก๊าซก็จะมีความเสี่ยงจากการเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ผสมอยู่ และยังมีเรื่องของระบบขนส่งที่ยังใช้น้ำมันส่งก๊าซ ทำให้การควบคุมต้นทุนขายยังไม่ง่ายเท่าที่ควร ใครชอบหุ้นแบบนี้ก็ต้องพิจารณาส่วนต่างๆ เหล่านี้ประกอบการตัดสินใจด้วยครับ
ข้อสรุปของการลงทุนจากข่าวปฏิรูปพลังงาน
ถ้าเรามองกับแบบนี้เราจะพอเห็นแนวทางว่าใครจะดีขึ้น ใครจะเสมอตัว หุ้นตัวไหนจะได้รับประโยชน์ เราก็สามารถปรับมาใช้ในการลงทุนได้ครับ ส่วนตัวผมเข้าใจว่าหากบริษัทใหญ่ๆ ถูกจับแยกธุรกิจ บริษัทเล็กๆ ที่เคยอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ก็จะเติบโตขึ้นมาได้บ้าง แต่สภาพการแข่งขันก็จะสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทเล็กๆ ที่เคยถูกกดมานานต่างก็เร่งตัวเองให้เติบโตเร็วๆ ตลาดที่เคยมีภาพของการมีผู้เล่นน้อยราย ก็จะเปลี่ยนเป็นผู้เล่นมากรายขึ้น การลงทุนก็ต้องเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนวิธีให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปนะครับ ไว้คราวหน้ามีข่าวที่น่าสนใจจะนำมารีวิวใหม่ครับ (นายแว่นธรรมดา)
คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ [/premium]
“เปิดรับสมัครสมาชิก”
เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดา “พวงกุญแจ นกฮูกนำโชค” สัญญาลักษณ์แห่งภูมิปัญญา และความโชคดีร่ำรวย สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก