กรณีศึกษาหุ้น Turn Around หุ้น E

สำหรับนักลงทุนแล้ว “หุ้นกลับตัว” หรือหุ้น Turn Around ถ้าเราลงทุนถูกวิธี เราสามารถทำผลกำไรได้อย่างน้อย 1-3 เท่าตัว ทำให้หุ้นประเภทนี้มี “เสน่ห์” น่าค้นหาเสมอครับ หุ้นที่เราจะมาศึกษาเจาะลึกกันในวันนี้คือหุ้น E หรือ บริษัท เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) พร้อมแล้วติดตามกันเลยครับ

Turn Around[premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความเพิ่มเติม กรุณา”]

E ลักษณะธุรกิจ

บริษัท เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ลงทุนในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย บริษัทมุ่งเน้นไปที่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับสิทธิในการเปิดแฟรนไชส์ของโดนิโม พิซซ่า ในประเทศไทย สิทธิในการเปิดแฟรนไชส์ของคอฟฟี่ บีนส์ แอนด์ ทีลีฟในประเทศไทย สิทธิในการเปิดแฟรนไชส์ของเคียวโชน ในประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา และธุรกิจร้านอาหารและบาร์ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป รวมถึงธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด โดยลงทุนผ่านเรด แพล็นเนท โฮเต็ลส์ ซึ่งเป็นทั้งผู้ได้รับสิทธิในการเปิดแฟรนไชส์และผู้ถือหุ้นของทูนส์ โฮเต็ลส์ในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนในธุรกิจสื่อและพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ในภูมิภาคอีกด้วย

ข่าวหุ้น E

 “เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล” หลงเสน่ห์ธุรกิจร้านอาหารเมืองไทย ประกาศทุ่มงบอีกกว่า 1.5 พันล้าน ลงทุนยาว 5 ปี หวังดันรายได้ทะลุ 5 พันล้าน พร้อมเดินสายรุกตลาดเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาโดยการขยายธุรกิจในไทย จะเน้นที่ร้านไก่ทอดเคียวโชน ซึ่งจะเปิดให้บริการครบ 5 แห่งในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แห่ง พร้อมทั้งขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ในประเทศเมียนมาร์ , กัมพูชา และสปป.ลาว โดยในปีหน้าจะเริ่มต้นลงทุนในกัมพูชา ร่วมกับพันธมิตรนักธุรกิจท้องถิ่น โดยตั้งเป้าที่จะมีสาขา 5 แห่งในปีหน้า และขยายการลงทุนสู่ประเทศเมียนมาร์ในปีถัดไป เนื่องจากมองว่าเมียนมาร์เป็นประเทศที่มีศักยภาพ พร้อมเติบโตได้ในระยะยาว ส่วนสปป.ลาว อยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจและกำลังซื้อ และต้องรอให้มีการพัฒนามากกว่านี้

ขณะเดียวกันบริษัท ได้พัฒนาแบรนด์ของตนเองขึ้น ภายใต้ชื่อ มิสเตอร์โจนส์ ออร์ฟาเนจ พร้อมเปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่น และมีแผนจะขยายไปยังต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาขอร่วมลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ ทั้งจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ในไตรมาส 4 ปีนี้จนถึงปีหน้า คาดว่าจะยังไม่มีแบรนด์ใหม่ออกมาทำตลาดเนื่องจากบริษัทต้องการเดินหน้าขยายสาขาและสร้างแบรนด์ที่มีอยู่ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง ขณะเดียวกันก็ต้องการพัฒนาคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับ โดยบริษัทวางเป้าหมายที่จะมีร้านไก่ทอดเคียวโชนทั้งสิ้น 40 แห่งใน 4 ปี ซึ่งมั่นใจว่าจะเดินตามแผนงานที่วางไว้ได้ หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้ 670 ล้านบาท โดย 90% เป็นรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า

(จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)

มุมมองนักวิเคราะห์

หุ้น E สำหรับในปี 2557 นี้จัดเป็นหุ้นที่มีการแจ้งข่าวความคืบหน้าของบริษัทออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนไม่สนใจข้อมูลบริษัท ไม่รับรู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่เล่นหุ้นโดยไม่สนใจข้อมูลข่าวสารของบริษัท ทั้งๆ ที่จัดเป็นหุ้นน่าถือลงทุนตัวหนึ่งและจะเป็นหุ้น food ที่น่าจับตาในอนาคตครับ ว่าที่จริงหุ้นตัวนี้ได้ผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจอาหารเต็มตัวแล้ว โดยเข้าไปซื้อกิจการเครือฟีนิกซ์ ไอรอน ที่ทำการขายอาหารแบรนด์โดมิโน่พิซซ่า และร้านเครื่องดื่มคอฟฟี่บีน รวมทั้งร้านอาหารในโรงแรม เช่น โนโวเทล ขณะที่ธุรกิจโรงแรมทื่ชื่อ Tune hotel ขณะนี้เปิดไปแล้วกว่า 25 แห่งทั้งไทยและภูมิภาค ล่าสุดได้เข้าลงทุนแบบร่วมทุนตั้งบริษัท BPM ในกัมพูชา นำพิซซ่าไปขายและเปิดสาขาอีกหลายสาขา และที่น่าสนใจคือเข้าซื้อบริษัท QD ซึ่งเป็นร้านอาหารในญี่ปุ่นเปิดสาขาแล้วกว่า 16 แห่ง เรียกว่าขยายพื้นฐานด้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเค้กเต็มเหยียบ เมือเข้าทางเมื่อไรรายได้จะทะยานขึ้นต่อเนื่องในอนาคตก็เป็นไปได้ แม้ผลประกอบการขาดทุนเกิดจากการตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นของเงินลงทุนต่างๆ และจากนี้ไปในปี 57 จะ take off ผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน ด้วยยอดรายได้ไตรมาสละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทต่อปี (ค่าคาดการณ์) เมื่อเทียบกับปีก่อนถือว่าสูสีกัน แต่อัตรากำไรจะกลับมาสูงกว่ามาก เพราะจะเริ่มมีต้นทุนที่ลดลงจาก scale ที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตครับ

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้เริ่มต้นคำแนะนำ “Overweight” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่คาดหวังผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 2 เท่าตัวจากราคาปัจจุบันด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. E ถือหุ้น 9.5% ใน Red Planet Hotels ที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดภายใต้ชื่อ Tune Hotel และเป็นพันธมิตรกับ Air Asia ใน ไทย,ฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย,ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเข้าจดทะเบียนในตลาด HK ช่วงกลางปี 2558 และหาก IPO ได้สำเร็จ จะส่งผลให้ E มีกำไรพิเศษสูงถึง 3-3.5 พันล้านบาท
  2. มีโอกาสถูก Backdoor Listing ธุรกิจโรงแรมและค้าปลีกของ Figo Group ผู้นำธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานมากกว่า 10 แห่งในกรุงเทพ เช่น Hotel Muse, MGallery, Grand Millennium Asoke และอาคารสำนักงาน ได้แก่ Fico Place Building พื้นที่ 5,000 ตรม., Fenix Thonglor พื้นที่ 800 ตรม., One Fenix Square และ Interchange 21 พื้นที่ 103,398 ตรม. จากคาดการณ์ของเรา Figo Group มี Asset ในธุรกิจ Property ราว 1.5 – 2.5 หมืนล้านบาท และหลังเสร็จสิ้นการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจเข้าสู่ E จะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 2 พันล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท
  3. คาดการณ์ผลประกอบการปี 2558 พลิกเป็นกำไร 40 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 185 ล้านบาทในปี 2559 จากธุรกิจร้านอาหารที่เริ่มสร้างกำไร ได้แก่ Coffee Bean & Tea leaf, Mr.Jones, Dominoes Pizza, Fat Gutz ฯลฯ และธุรกิจอาหารในญี่ปุ่น ปัจจุบันPE เพียง 10 เท่าในปี 2559 เทียบกับกลุ่มอาหารที่ 30-35 เท่า และ PBV 1.1 เท่า เทียบกับกลุ่มอาหารที่ 5-6 เท่า

(ที่มาบทวิเคราะห์ settrade)

ส่องงบการเงินหุ้น E

ปัจจุบันหุ้น E มีอัตราส่วนสภาพคล่องที่มากถึง 1.14 เท่า ถือว่าพอรับได้ครับ และ D/E เท่ากับ 0.28 เท่า ซึ่งดูแล้วเป็นบริษัทที่หุ่นดีผอมเพรียวเหลือเกิน หากบริษัทเห็นโอกาสทางธุรกิจ จะกู้ซัก 2,000-3,000 ล้านมาลงทุนไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตามหุ้น E มีขาดทุนสะสมอยู่ราว -369.65 ล้านบาท หากนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ 477.53 ล้านบาทก็สามารถทำได้ เมื่อลองคำนวนหา BV ปัจจุบันดู ก็จะพบว่าBV อยู่ที่ 1.01 และ P/BV มีค่าเพียง 1.5 เท่า(เทียบราคาปัจจุบันที่ 1.35 บาท) ซึ่ง P/BV ค่าเฉลื่ยในกลุ่มอสังหาอยู่ที่ 5.3 เท่า ตามหลักแล้วเราควรเห็นหุ้นนี้ในราคาที่สูงกว่านี้

อย่างไรก็ตามเมื่อมาวิเคราะห์ การที่ P/BV มากกว่า 5 เท่าของอุตสาหกรรมอาหารนั้น มาจากการที่คนเชื่อมั่นในอนาคต ยิ่ง P/BV มากแปลว่าผู้ลงทุนเชื่อมั่นในอนาคตต่อหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งในกรณีของ E นักลงทุนอาจจะยังไม่มีความเชื่อมั่นกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ ทำให้ P/BV ต่ำก็เป็นได้ ถ้าเราลองคำนวน BV กรณีที่กิจการที่มีการขยายสาขาตามข่าวจะได้ค่า BV เท่ากับ 1.28 บาท ถ้าอิง P/BV ตามเดิมที่ 1.35 ราคาก็ควรมี upside อีกราว 20-30% เป็นอย่างน้อย โดยอิงจากราคาปัจจุบันที่ 1.35 บาท

ข้อควรระวังในการลงทุนหุ้น E

อย่างไรก็ตามหากเรามองภาพของการขยายสาขา การซื้อกิจการของ E แล้วอาจทำให้เรารู้สึกว่ามีอนาคต แต่เมื่อเรามองตัวเลข EBIDTA ของ E จะพบว่าติดลบมาตลอดในช่วง 3-5 ปี นี้ สาเหตุเป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารสูงกว่ายอดขายทำให้เกิดความเสี่ยงที่เราต้องให้น้ำหนักอีกประการหนึ่ง และการที่สินค้าเป็นแบรนด์รองนักลงทุนควรติดตามการเติบโต การขยายกิจการอย่างใกล้ชิด เปิดร้าน เปิดโรงแรมแล้วมีลูกค้าหรือไม่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ข้อสรุปการลงทุนในหุ้น E

อย่างที่ผมได้กล่าวไปตอนต้นสำหรับหุ้นตัวนี้นักลงทุนที่เน้นปลอดภัยควรหา “แต้มต่อ” ให้มากเข้าไว้ครับ เพราะกิจการอาหาร และโรงแรมของบริษัทต้องถือว่าเป็น “แบรนด์รอง” และต้องคอยติดตามยอดขายอย่างใกล้ชิดว่ามีแนวโน้มเติบโตหรือไม่ ร้านค้า-โรงแรมที่เปิดแล้วสามารถสร้างรายได้และกำไรได้มากน้อยแค่ไหน หากมีแนวโน้มดีหุ้นตัวนี้ต้องถือว่า “มีลุ้น” หลายเด้งเช่นกันครับ

(นายแว่นธรรมดา)

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

[/premium]

เปิดรับสมัครสมาชิก

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดา “พวงกุญแจ นกฮูกนำโชค” สัญญาลักษณ์แห่งภูมิปัญญา และความโชคดีร่ำรวย สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก

ร้านหนังสืออีบุ๊กส์ นายแว่นธรรมดา”

มีหนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว ให้เลือกซื้อแล้วนะครับ สำหรับสมาชิก 9 ปี ดาวน์โหลดหนังสือฟรี 1 เล่มครับ…

เข้าไปดูวิธีการสั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ครับ
http://naiwaenstore.com/store/how-to-order/

E Book Shop