เจาะหุ้นวีไอไม่เสี่ยง : มองหาโอกาสในวิกฤติ กับวัฏจักรหุ้นเหล็ก SSI

 

SSI“หุ้นวัฏจักร” หุ้นที่เล่นยาก เสี่ยงสูง แต่ถ้าคุณรู้วิธีการลงทุน และประสบความสำเร็จกับมันได้ ผลตอบแทนก็จะมากมายมหาศาล ในทางกลับกันหากเราพลาดก็จะเจ็บตัวอย่างหนักเช่นกัน… เสน่ห์ของหุ้นวัฏจักรก็คือ… ผลตอบแทนที่มากมายเมื่อเทียบกับเงินต้นที่เราได้ลงทุนไป แต่หากทุกคนรู้ว่าตอนไหนตกต่ำสุดแล้วเข้าไปซื้อ และทำกำไรได้ทุกคน แน่นอนที่สุดว่ามันเป็นไปไม่ได้ วันนี้เราจะมาติดตามเหตุการณ์ร้อนเหตุการณ์หนึ่ง… นั่นก็คือ… กรณีที่หุ้น SSI นั้นต้องปรับโครงสร้างหนี้ใหม่… หรือนี่จะเป็นจุดต่ำสุดของวงการเหล็กในประเทศไทยแล้ว? และเราจะหาโอกาสจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร? มาติดตามกันเลยครับ

หุ้นวัฏจักร นายแว่นธรรมดา

ทำความรู้จักเหล็กกันก่อน… หากต้องการอ่านบทความเพิ่มเติมโปรด Login หรือสมัครสมาชิกที่นี่ “คลิ๊กเพื่อสมัครสมาชิก” [hide for=”!logged”]

ผู้เขียนขอแบ่งเหล็กออกเป็น เหล็กขั้นต้น เหล็กขั้นกลาง เพื่ออธิบาย และทำความรู้จักเหล็กกัน

เหล็กขั้นต้น การผลิตเหล็กขั้นต้นจะอาศัยสินแร่และถ่านหิน เมื่อผลิตเหล็กขั้นต้นนำมาถลุงเหล็กมาผลิตเป็นม้วน เป็นเหล็กแผ่น ยกเว้นเหล็กที่หนามาก 3-4 นิ้ว ม้วนจะไม่ได้ ที่เห็นส่วนใหญ่ 0.1 mm – 15 mm ยาว 300-400 เมตร แล้วก็เอาไปตัดแบ่งจำหน่าย เหล็กของ SSI และกลุ่มเหล็กขั้นกลางก็เอาไปแปรรูปทำต่อครับ

เหล็กขั้นกลาง ลักษณะจะเป็นท่อเหล็ก มีจำหน่ายตามศูนย์บริการ เหล็กรีดเย็น เหล็กเคลือบ เหล็กชนิดนี้จะเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องการความพิเศษมากขึ้น หรือ metal sheet เป็นสีต่างๆ แล้วก็ไปเข้าอุตสาหกรรมขั้นปลายผู้ผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ก่อสร้าง พลังงาน

การแปรรูปเหล็กจะเริ่มจากเหล็กต้นน้ำถูกถลุงออกมาเป็น เหล็กก้อน แล้วไปรีดเป็นม้วน (hot roll) แผ่นหนาแล้วเอาไปรีดต่อเป็นแผ่นบาง (cold roll) โดยคุณสมบัติเหล็กไม่ค่อยมีความแตกต่าง ก็จะเหมือนพืชไร่ เป็นเรื่องของ demand supply ส่งผลกับราคา หรือมีความเป็นวัฏจักรนั่นเอง

ภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กเป็นอย่างไร…

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กบนโลกใบนี้ ในปี 2014 จีนเป็นผู้ผลิตที่มากที่สุดในโลกราวๆ  822 ล้านตัน  โดยในอดีตสถานการณ์ปี 2008 กำลังผลิตจีน ณ.ตอนนั้นมีเพียง 200 กว่าล้านตัน แต่ปัจจุบัน กำลังผลิตเกือบ 1,000 กว่าล้านตัน ในขณะที่กำลังบริโภคมีราวๆ 700 กว่าล้านตัน โดยที่จีนเป็นผู้ผลิตเหล็กเกือบครึ่งของโลก พอผลิตเยอะก็มี stock เยอะ กว่าที่เหล็กจะขึ้นอาจต้องรอให้จีนใช้ stock ให้หมดไปแล้วราคาจึงอาจจะปรับเพิ่มขึ้นได้ครับ

SRO Regional overview map-20April2015-Final

อย่างไรก็ตามอุปสงค์จีนในปี 2014 (2557) ติดลบเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1995 (2538) เหตุมาจากการทำ Re-balancing ของรัฐบาลจีน อันได้แก่ การพยายามปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดูเหมือนจีนจะมีปัญหาหลายๆ ด้านเรื่อง Shadow Banking (ธนาคารเงา) ก็เป็นส่วนสำคัญในเรื่องการกู้หนี้ยืมสินภายในประเทศ ส่วนตลาดเหล็กทั้งในจีนเองกับต่างประเทศ และการบริโภคเหล็กมันก็ชะงักไปเหมือนกัน โดยผลกระทบจะยังคงดำเนินต่อไป และนอกจากจะคุมสถานการณ์การเก็งกำไรในตลาดสำคัญของจีนได้ดีขึ้น และรัฐบาลจีนยังประครองเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพอีกด้วยครับ… ทำไมเราจึงให้ความสำคัญกับจีนมาก นั่นเป็นเพราะว่า จีน เป็นทั้งผู้บริโภคเหล็ก และผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกนั่นเองครับ

(โดยล่าสุดมีข่าวการสั่งซื้อฝูงบินพานิชของจีนจากสหรัฐฯ กว่า 300 ลำ ทำให้สหรัฐฯ ต้องไปตั้งโรงงานผลิตเครื่องบินในจีน และต้องใช้เหล็กอีกหลายแสนตันทีเดียวครับ)

อย่างไรก็ดี… สมาคมเหล็กโลกได้คาดการณ์ว่าการบริโภคเหล็กจะเพิ่มขึ้น 0.5% ไปที่ 1,544 ล้านตัน ในปี 2015 ซึ่งในปี 2014 ได้เติบโตประมาน 0.6% สำหรับในปี 2016 โดยสมาคมเหล็กโลกมองว่าอุปสงค์เหล็กโลกจะโต 1.4% นั่นคือ 1,565 ล้านตัน ง่ายๆคือ มองว่ามันมี “แนวโน้มเติบโต” ไม่ใช่ “ถดถอย” แต่คำถามยังคาใจว่า แล้วราคาโลกจะปรับขึ้นบ้างหรือไม่! เมื่อไหร่ ช่วงไหน? ไปหาคำตอบกันต่อเลย…

แนวโน้มการบริโภคเหล็กในอาเซียน

ปัจจุบันการบริโภคเหล็กในอาเซียนตกราวๆ ปีละ 50 ล้านตัน โดยในกลุ่มอาเซียน ไทยมีปริมาณการบริโภคเหล็กสูงสุดที่ 28 % ตามด้วยอินโดนีเซีย 21 % เวียดนาม 18% มาเลเซีย 15 % ฟิลิปปินส์ 11 % สุดท้ายได้แก่สิงคโปร์ที่ 7 % แต่ปริมาณเหล่านี้ยังไม่เท่ากับปริมาณเหล็กที่บริโภคในจีนเพียงประเทศเดียว หากภูมิภาคอาเซียนมีการพัฒนาครั้งใหญ่ในอนาคต โอกาสที่ปริมาณการบริโภคเหล็กจะเพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้ครับ

เหล็กอาเซียน

ส่องหุ้น SSI

เริ่มต้นจากการตรวจสุขภาพทางการเงินกันก่อนครับ SSI มีทรัพย์สินสำคัญคือ ลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือ 14500 ล้านบาท เป็นสินค้าคงเหลือ 10093 ล้านบาท ที่ดินอาคารและอุปกรณ์ 50300 ล้านบาท

ด้านหนี้สิน มีเงินเบิกเกินบัญชี 22505 ล้านบาท หนี้ระยะยาว 30154 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้า 9012 ล้านบาท ส่วนทุนติดลบ 1776 ล้านบาท

ยอดขาย 22899 ล้านบาท แต่มีต้นทุนขาย 26674 ล้านบาท  Ebitda กำไรที่ยังไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่ายหรือกำไรในรูปใกล้เคียงกระแสเงินสดการดำเนินงาน ขาดทุนอยู่ 3397 ล้านบาท

จากข้อมูลนี้ ถึงจะขายเหล็กใน stock ออกไปหมดตอนนี้ ก็ต้องไปจ่ายเจ้าหนี้การค้าก่อน ก็แทบจะหมดแล้วครับต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างเดียวเพราะหนี้เกินทุน และไม่มีกำไรจากการดำเนินงานแล้วครับ

ต้นเหตุของการขาดทุนใน SSI

เริ่มจากกลุ่ม SSI ได้ทำการซื้อโรงงานถลุงเหล็กต้นน้ำ (ทีซีพี) ในอังกฤษ จากกลุ่มทาทาสตีลในปี 2554 และได้ทำการกู้เงินจากแบ็งค์มากว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากเข้าซื้อกิจการตลาดเหล็กโลกกลับลดลง อันเป็นผลมาจากวิกฤติหนี้ในยุโรป และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แถมซ้ำด้วยเหล็กจีนเข้ามาดัมพ์ตลาดจนราคาเหล็กแท่งลดลงต่อเนื่องจาก 665 เหรียญ ในปี 2554 เหลือเพียง 220 เหรียญ หรือลดลงกว่า 50% ในขณะที่ต้นทุนการผลิตไม่ได้ลดลง ต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น แต่ราคาเหล็กลดลง

SSI น่าลงทุนหรือไม่?

สำหรับผู้เขียนแล้วต้องขอตอบตามตรงว่ายังไม่น่าลงทุน เนื่องจากมูลหนี้ที่สูง เมื่อเรามาพิจารณาตัวเลขล่าสุด ยอดขายครึ่งปี 2.2 หมื่น ต้นทุนขาย 2.6 หมื่น ดอกเบี้ยจ่ายครึ่งปี 1500 ล้านบาท ค่าตัดจำหน่าย 1200 ล้านบาท โดยล่าสุด SSI ดำเนินการขายกิจการถลุงเหล็กใน UK เลิกจ้างพนักงานกว่า 1.7 พันคนแล้ว!

หาก SSI ขายส่วนที่ไม่ทำกำไรได้สำเร็จ (โรงถลุงที่ UK ขาดทุน 2 พันล้าน) ลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และจัดการค่าเสื่อม ลดต้นทุนขาย เพิ่มยอดขาย … แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะมีหรือไม่? แม้ราคาต่ำน่าซื้อ แต่ความเสี่ยงดูมากกว่า สำหรับผมแล้วคงต้องรอดูเหตุการณ์ไปก่อนครับ… แต่หากนักลงทุนท่านใดมั่นใจ การลงทุนครั้งนี้อาจพลิกชีวิตท่านได้ แต่ท่านต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยนะครับ (High Risk – High Return)

NAIWAENTAMMADA

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

[/hide]

เปิดรับสมัครสมาชิก

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยสมาชิกจะได้รับหนังสืออีบุ๊กส์ฟรี 1 เล่มจาก “ร้านหนังสืออีบุ๊กส์ นายแว่นธรรมดา” มีหนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว ให้เลือกซื้อแล้วนะครับ สำหรับสมาชิก 9 ปี รับฟรีอีบุ๊กส์ “รู้สู้เฟ้อ” 1 เล่มครับ… สมาชิกตลอดชีพรับหนังสือเล่ม 1 เล่ม สมัครคลิ๊กที่เมนู “สมัครสมาชิก” 

หรือติดต่อ
[email protected]

สมัครสมาชิก

ขอแนะนำหนังสือ “กลุยุทธ์จับจังหวะลงทุนหุ้น

กลยุทธ์หุ้น

กลยุทธ์จับจังหวะลงทุนหุ้น (Knowing Money Game) เจาะลึกการเล่นหุ้นแบบเน้นคุณค่า เข้าสู่สนามการลงทุนอย่างคุ้มค่าและไม่เสี่ยง   วิเคราะห์เจาะจุดการเล่นหุ้นอย่างถึงแก่น  ชี้ช่องแนะแนวทางรวยตามสไตล์นักลงทุนระดับโลก ให้คุณก้าวเข้าสู่เกมหุ้นได้อย่างสวยงาม และไม่เสี่ยง

#ลงทุนหุ้นให้โตเร็ว : ปัญหาของนักลงทุนหุ้นโตเร็วก็คือ มองหุ้นโตเร็วไม่ออก มองภาพใหญ่ไม่ชัดเจน และจัดพอร์ตไม่เป็น ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ “ลงทุนหุ้นให้โตเร็ว” ติดตามได้ที่นี่เลยครับ

 

‪#‎ช่องทางการติดตามข้อมูล‬ ‪#‎นายแว่นธรรมดา‬

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการติดตามข้อมูล โดยเฉพาะสมาชิกเว็บwww.naiwaen.com ท่านสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ [email protected]

หรือเข้าไปติดตามบทความในรูปแบบคลิ๊ปเสียงที่https://www.youtube.com/channel/UCcQxvgiObaaA2DI3UOqrXZw

เพื่อนๆ ยังสามารถเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดที่บล็อกพันทิปhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naiwaentammada(ปัจจุบันมียอดเพจวิวกว่า 3.1 ล้านวิว)

หรือยังไม่จุใจท่านยังสามารถเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่นี่ครับhttps://plus.google.com/u/0/118319315169248364407

สำหรับเรื่องราวของอสังหาริมทรัพย์… เพื่อนๆ สามารถเข้าไปหาข้อมูลที่ต้องการได้ที่นี่ www.topofliving.com

และเตรียมพบกับเว็บบอร์ดคุยเรื่องหุ้นเร็วๆ นี้นะครับ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน อีโมติคอน grin
สำหรับ “นายแว่นธรรมดา” แล้วเราจะทำให้เพื่อนๆ ทุกท่าน

“มีชีวิตที่พัฒนาด้วยปัญญา และความดี”