กลยุทธ์ลงทุนหุ้น : การนั่งดูพอร์ตหุ้นบ่อยๆ ทำให้เกิดอะไรขึ้นในชีวิตนักลงทุนบ้าง

“หุ้นตกอีกละ!” เสียงในหัวของผมเมื่อผมเฝ้าหน้าจอดูหุ้นตลอดเวลา… การเฝ้าดูจอหุ้น ติดตามพอร์ตหุ้นของเราตลอดเวลาแน่นอนที่สุดว่ามันย่อมกระทบกับจิตใจของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เปรียบเหมือนกับการเฝ้ามองต้นกล้าที่มันค่อยๆ โตตามธรรมชาติ แต่ผู้ปลูกต้นกล้าอยากเร่งให้มันโตเร็วๆ เร่งใส่ปุ๋ยมากๆ รดน้ำบ่อยๆ ถ้ามากจนเกินไปต้นไม้ก็จะตายได้ครับ… การเฝ้าดูพอร์ตหุ้นของตนเองเป็นประจำนั้น สัญญาณภาพที่เรามองเห็นด้วยตาจะไปกระตุ้นโสตประสาทให้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า… ให้เราตัดสินใจบางอย่าง… ลองมาดูกันครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…

การ์ตูนการเงิน 01

กรณีที่ 1 “หุ้นที่เราสนใจ และเราซื้อไว้แล้ว ราคาร่วงลง”

ในกรณีนี้ภาพที่เราเห็นว่าหุ้นที่เราซื้อราคาร่วงลงจะกระตุ้นให้สมองบอกกับตัวเองว่า “ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว” … “ปล่อยไว้แบบนี้เสียหายหนักแน่ๆ” … ด้วยเสียงในหัวแบบนี้จะทำให้นักลงทุนรู้สึกกังวลใจ และอาจถึงขั้นหวาดกลัวว่าราคาจะตกลงไปอีก สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดการตัดสินใจขายหุ้นออกไป และต้องรับผลการขาดทุนในที่สุด!

กรณีที่ 2 “หุ้นที่เราสนใจ และซื้อไว้แล้ว ราคาพุ่งขึ้น”

ในกรณีนี้ภาพที่เราเห็นหุ้นที่เราซื้อเอาไว้พุ่งขึ้นจะกระตุ้นให้สมองบอกกับตัวเราเอง… “ดีใจจัง” … “หุ้นขึ้นแล้วเรานี่เก่งไม่เบานะเนี่ย” … เสียงในหัวแบบนี้ทำให้ง่ายมากที่จะทำให้นักลงทุนหลงระเริง ก่อให้เกิดความประมาท และบางส่วนอาจตัดสินใจ “ไม่ขาย” แต่หากหุ้นตัวนั้นไม่ได้ขึ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานจริงๆ ราคาก็จะร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว บางครั้งราคาร่วงต่ำติดดินจนถึงขึ้นทำให้นักลงทุนต้องขาดทุนในที่สุด

กรณีที่ 3 “หุ้นที่เราสนใจ ยังไม่ได้ซื้อ ราคาร่วงลง”

naiwaentammada traderภาพที่เราเห็นหุ้นที่เราสนใจราคาร่วงลงอย่างหนักจะไปกระตุ้นให้คนที่ยังไม่มีหุ้น “อยากซื้อ” และตัดสินใจซื้อหุ้น โดยที่บางครั้งนักลงทุนยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ยังไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐานอย่างถี่ถ้วนถึงสาเหตุของการตกของหุ้น และอาจติดกับดัก หากราคาหุ้นที่ตกลงมานั้นเนื่องจากพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลง และจะทำให้นักลงทุนต้องเจ็บตัวอีกเช่นกันครับ แต่สำหรับกรณีที่เป็นการตกชั่วคราวนั่นถือเป็นโอกาสสำคัญ!

กรณีที่ 4 “หุ้นที่เราสนใจ ยังไม่ได้ซื้อ ราคาพุ่งขึ้น”

ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว… ภาพที่เราเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นจะไปกระตุ้นให้สมองเกิดความอยากซื้อตาม หรือเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความโลภ” และหากการขึ้นนั้น เป็นการขึ้นเนื่องจากมีการทำราคาหุ้น ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานของกิจการที่ดีขึ้นจริง นักลงทุนก็ต้องเจ็บตัวอย่างหนักเช่นกันครับ

สำหรับผมแล้วก่อนจะลงทุนซื้อหุ้นทุกครั้ง ผมจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก หากเราไม่เข้าใจธุรกิจได้ดีพอ หรือยังไม่สามารถเข้าถึง Key Success Factor ของกิจการนั้นๆ ได้… ผมจะยังไม่ลงทุนในหุ้นตัวนั้นเด็ดขาด แต่หากเราทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว เมื่อเราลงทุนในหุ้นที่เรามั่นใจ… ส่วนตัวผมแล้วจะพยายาม “ปิดจอ” คือ พยายามดูหุ้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนเราปลูกต้นไม้ลงดินแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ… เฝ้ารอวันเติบอย่างใจเย็น สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ การรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ด้วยการนำเงินปันผลมาลงทุนต่อทบต้นลงไปในหุ้นตัวเดิมนั่นเองครับ

ติดตามกลยุทธ์ลงทุนสไตล์ “นายแว่นธรรมดา” ได้ในตอนต่อไปนะครับ…

(นายแว่นธรรมดา)