ประสบการณ์การลงทุนหุ้น : "การลงทุนในหุ้นรถไฟฟ้า"

ลงทุนมานาน แต่ทำไมจึงไม่ประสบความสำเร็จเสียที?

คำถามในใจใครหลายคนที่อยากประสบความสำเร็จ อยากรวยด้วยหุ้น จึงผันตัวมาเล่นหุ้น ลงทุนในตลาดหุ้น แต่ผ่านไปเนิ่นนาน แทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับกันตรงกันข้าม ประสบกับขาดทุน บางคนแทบหมดตัว เข็ดขยาด ไม่กล้ากลับมาลงทุนอีกเลย… บทความนี้ผมจะมาขอแชร์ประสบการณ์ว่าผมพบหุ้นที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จอย่างไร พร้อมยกตัวอย่างหุ้นบางตัวไว้เป็นกรณีศึกษาครับ

hoon

[premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความเพิ่มเติม กรุณา”]

หุ้นรถไฟฟ้า หุ้นมหาชนตัวต่อไป?

                หุ้นที่ผมยกตัวอย่างในบทนี้ก็คือ “หุ้นรถไฟฟ้า” ว่าที่หุ้นมหาชนตัวต่อไป ทำไมผมจึงกล่าวว่าหุ้นรถไฟฟ้าจะเป็นหุ้นมหาชนตัวต่อไป? ก็เพราะว่าการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดในยุคนี้คงหนีไม่พ้นรถไฟฟ้า และในอนาคตก็มองหาการเดินทางที่สะดวกสบายในเมืองไม่ได้อีกแล้ว นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และที่สำคัญสถานีรถไฟฟ้า ณ.ปัจจุบันเป็นแหล่งรวมมวลชนมากขึ้นทุกทีๆ  หลายคนมักจะเห็นภาพคนยืนรอรถไฟฟ้าเต็มสถานี และล้นออกมานอกสถานีในชั่วโมงเร่งด่วน! สำหรับอนาคตของหุ้นรถไฟฟ้าก็ดูจะสดใส เพราะสถานีที่ยังน้อยอยู่ ประกอบกับผู้คนที่จำเป็นต้องเดินทางทุกวัน ทำให้ผมมองเห็นอนาคตของหุ้นตัวนี้อย่างชัดเจนมากๆ ครับ!

หุ้นรถไฟฟ้า BTS หุ้น BTS มีรายได้จากสี่ช่องทาง

รายได้จากธุรกิจขนส่ง 32% ของรายได้

อายุสัมปทานเหลืออีก 16 ปี มาจากส่วนแบ่งกำไรจาก btsgif (bts ถืออยู่ 33%) และ ค่าดำเนินการเดินรถ รายได้ขนส่ง จะเพิ่มขึ้นด้วยปัจจัยสามประการ

  1. จำนวนผู้โดยสาร มองไม่เห็นปัจจัยลบ นอกจากประชากรในกรุงเทพลดลง ในอดีตก็เติบโตทบต้นปีละ 10.3% ในอนาคต เมื่อโครงข่ายมากขึ้นจะพาผู้โดยสารจากนอกเมืองเข้ามาในเมือง จำนวนผู้โดยสารก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย เหลือแค่ลงทุนซื้อรถไฟฟ้ามาเพิ่มก็ใช้ได้ สิ่งที่น่ากังวลก็อาจจะเป็นสายรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะคึกคักในช่วงแรกๆ หรือเปล่า?
  2. ค่าโดยสารปรับ ปรับเพิ่มไปตามเงินเฟ้อ cpi ในกรุงเทพ แต่ปรับไปแล้วเมื่อ 1 มิถุนายน 2014 ปรับได้อีกที 1 มกราคม 2016 บวกกับราคาน้ำมันลด cpi ในปีที่แล้วและปีนี้ดูจะไม่โตมาก ต้องไปดูปี 2016 อีกที ทั้งนี้ cpi เป็นต้นทุน ปรับค่าโดยสารเพิ่มไม่ได้ก็แสดงว่าต้นทุนไม่ได้เพิ่มมาก โดยรวมก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ความเสี่ยงมีอยู่ คือ การกดดันของภาครัฐ/ภาคประชาชน อาจทำให้ปรับค่าโดยสารไม่ได้ตาม cpi
  3. การเดินรถสายใหม่ ในส่วนต่อขยายของสายเก่าได้ไปแล้วแต่เป็นกทม.ลงทุนเอง bts ได้แค่ค่าบริหารจัดการ ส่วนสายใหม่ bts ก็น่าจะได้บางสาย เพราะ มีบริษัทเดินรถเพียงสองเจ้าเท่านั้น และ bts ก็มีความพร้อมทางการเงินที่จะเข้าไปทำ ความเสี่ยงคือ ราคาหุ้นสะท้อนคาดการณ์นี้ไปแล้ว ถ้าไม่ได้ทำสายใหม่หรือได้ทำน้อยกว่าตลาดคาด ก็ไม่ดีต่อราคาหุ้น

(หมายเหตุ cpi = อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน)

ถือครองหุ้นโฆษณา 42% ของรายได้

ผูกขาดโฆษณาบนรถไฟฟ้า และ พยายามหาโฆษณาตามแหล่งอื่นๆนอกรถไฟฟ้า รายได้โฆษณามาจากปัจจัยสองประการ คือ

1.จำนวนผู้ชมโฆษณา ที่มีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสถานีรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตครับ

2.ภาวะเศรษฐกิจจะกำหนดค่าโฆษณาของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคบริโภค เพราะเป็นส่วนที่ต้องใช้โฆษณามาก ในอนาคตเราอาจได้เห็นการโฆษณาเป็นภาษาต่างๆ เพราะถ้าเราสังเกตดีๆ เราจะพบว่าสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ แทบจะเป็นต่างชาติกว่าครึ่งเข้าไปแล้ว!

ถือครองหุ้นอสังหาริมทรัพย์ 18%

ตั้งบริษัทลูกกับแสนสิริ (siri) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และซื้อหุ้นใน npark

1. ร่วมมือกับ siri เป็นปัจจัยบวก สำหรับ siri และ bts ในระยะยาว เพราะ อนาคตคอนโดต้องติดรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ต่อไปบีทีเอสก็ทำทางเชื่อมเข้าคอนโดโดยของบริษัทลูก กำไรทั้งสองฝ่าย พูดง่ายๆคือในทางของคอนโดติดรถไฟฟ้า กลุ่ม siri กับ bts มี competitive advantage มากกว่าคู่แข่ง

2. ซื้อหุ้นใน npark โดยแลกกับที่ดินทำเลดีย่านหมอชิต หากพัฒนาเป็นคอนโดฯ หรู หรือห้างสรรพสินค้าก็จะสะท้อนมูลค่าอีกมากครับ

นอกจากนั้น BTS ยังมีบริษัทลูกที่เกี่ยวข้องกับส่วนการบริการบัตรเงินสด rabbit card ก็เป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ สำหรับแบบจำลองการลงทุนของ bts ที่ผมใช้จริงในสนามการลงทุนมีดังต่อไปนี้

BTS growth

 

จากแบบจำลองหากเราลงทุนหุ้น BTS เริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทเป็นเวลา 8 ปี ด้วยสมมติฐานว่าหุ้นเติบโต 5% ต่อปี และมีเงินปันผล 5% ต่อปีเช่นกัน หากเราลงทุนทิ้งไว้ 8 ปี เงิน 1 ล้านจะกลายเป็น 1.4 ล้าน และในปีที่ 8 เราจะได้รับเงินปันผลจากหุ้น 7 หมื่นบาทต่อปี รวมเงินปันผลที่เราสะสมมาตลอด 8 ปี จะเท่ากับ 4.77 แสนบาท! คิดเป็นผลตอบแทนแบบทบต้น 48% เท่านั้นเองครับ! แถมเป็นผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงไม่สูงมาก เมื่อนำไปเทียบกับการลงทุนในหุ้นซิ่ง! และแน่นอนที่สุดว่าหาก BTS ทำผลตอบแทนได้ดีกว่า 5% ต่อปี ผลตอบแทนจากการลงทุนของเราก็จะดีตามไปด้วย!

หุ้นรถไฟฟ้า BMCL

                สำหรับหุ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ BMCL ที่เรารู้จักกันดีกำลังจะควบรวมกิจการกับหุ้นทางด่วนกรุงเทพฯ หรือ BECL หุ้นตัวใหม่ยังไม่ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่าหุ้นตัวใหม่หลังจากควบรวมกันแล้วจะมีอนาคตสดใสอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามผมมีเรื่องราวของการลงทุนในหุ้น BMCL ที่ทำกำไรให้ผมเกิน 1 เด้ง!มาเล่าให้ฟัง ไว้เป็นกรณีศึกษาครับ

กราฟหุ้นรถไฟฟ้า BMCL

BMCL

จากกราฟแสดงราคาหุ้นตัวนี้ย้อนหลังไป 5 ปี ราคาของหุ้นต่ำกว่า 1 บาท หรือที่เรียกกันว่า penny stock (หุ้นต่ำบาท) ก็ว่าได้ ณ.เวลานั้นหุ้น BMCL ดูแย่สุดๆ ขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี ถามใครใครก็บอกว่ามันคือ “หุ้นเน่า”

ผมมองเห็นอะไรจากหุ้นเน่า (ในอดีต) ตัวนี้??

          ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว มีโมเดลหุ้นรถไฟฟ้าที่ประสบความสำเร็จพลิกจากขาดทุนมากำไร และเติบโตได้ นั่นคือหุ้น BTS ผมเองก็มีความฝันว่า BMCL จะเดินตามรอยบ้าง และหากเป็นจริง หุ้นก็จะเด้งกลับมาเป็นบวก และกลายเป็นหุ้นโตเร็วในที่สุดครับ สำหรับหุ้น BMCL ผมมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะมาบอกเล่าให้ฟังเป็นประสบการณ์ส่วนตัว อย่างไรก็ตามขอต่อบทความหุ้นรถไฟฟ้าในตอนต่อไปนะครับ

(นายแว่นธรรมดา)

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

[/premium]

เปิดรับสมัครสมาชิก

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยสมาชิกจะได้รับหนังสืออีบุ๊กส์ฟรี 1 เล่มจาก “ร้านหนังสืออีบุ๊กส์ นายแว่นธรรมดา” มีหนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว ให้เลือกซื้อแล้วนะครับ สำหรับสมาชิก 9 ปี ดาวน์โหลดหนังสือฟรี 1 เล่มครับ… สมาชิกตลอดชีพรับฟรีอีบุ๊กส์ 2 เล่ม สมัครคลิ๊กที่เมนู “สมัครสมาชิก” http://www.naiwaen.com/?page_id=3131

หรือติดต่อ
[email protected]

เข้าไปดูวิธีการสั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ครับ
http://naiwaenstore.com/store/how-to-order/

สมัครสมาชิก

 ขอแนะนำหนังสือ “กลุยุทธ์จับจังหวะลงทุนหุ้น

กลยุทธ์หุ้น

กลยุทธ์จับจังหวะลงทุนหุ้น (Knowing Money Game) เจาะลึกการเล่นหุ้นแบบเน้นคุณค่า เข้าสู่สนามการลงทุนอย่างคุ้มค่าและไม่เสี่ยง   วิเคราะห์เจาะจุดการเล่นหุ้นอย่างถึงแก่น  ชี้ช่องแนะแนวทางรวยตามสไตล์นักลงทุนระดับโลก ให้คุณก้าวเข้าสู่เกมหุ้นได้อย่างสวยงาม และไม่เสี่ยง