… ธุรกิจเกษตรทำอย่างไรให้รวยยาว รวยอย่างยั่งยืน …

ความเชื่อในอดีต… การทำเกษตรนั้นมักจะเป็นทางเลือกท้ายๆ ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานของเกษตรกรโดยตรงที่มักจะคิดว่าการทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเกษตรกรมักจะยากจนเป็นส่วนใหญ่… แต่ทว่า… “ความเชื่อในอดีต กับข้อเท็จจริงนั้นมันสวนทางกันหรือไม่?”

จากประสบการณ์ของผมที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรมาหลายปี กลับพบว่าการทำธุรกิจเกษตรนั้นไม่ได้ยากจนเสมอไปครับ ทำแล้วร่ำรวย ประสบความสำเร็จก็มีมากมาย ทำแล้วล้มเหลว ยากจนก็มีเช่นกัน อย่างไรก็ตามผมขอนำเสนอธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรมาให้พิจารณากันก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการลงลึกไปถึงประเด็นของการทำธุรกิจเกษตรให้รวยอย่างยั่งยืน… มาดูกันครับว่าธุรกิจเกษตรนั้นมีลักษณะใดบ้างตามมาเลยครับ…

book naiwaen 04ธุรกิจแรก “การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบอุตสาหกรรมเกษตร”

การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรนั้นมีให้เห็นกันมากมายในปัจจุบันครับ ส่วนใหญ่มักเป็นการเพาะปลูกที่เน้นผลผลิตมากๆ หรือเป็นอุตสาหกรรมเกษตร ถ้าจะให้เข้ากับเหตุการณ์ ณ.ปัจจุบันก็คงเป็นเรื่องของการปลูกข้าว และนำไปจำนำกับทางรัฐบาล … ข้อดีของการทำอุตสาหกรรมเกษตรก็คือ การที่เกษตรกรจะได้เงินจากการเพาะปลูกแต่ละรอบเป็นก้อนใหญ่ แต่ข้อเสียก็คือ การเพาะปลูกต้องใช้ต้นทุนค่าปุ๋ย ยา และการดูแลรักษาที่ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะค่าปุ๋ยนั้นขึ้นทุกปี เนื่องจากปุ๋ยนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากน้ำมันอีกที (ปิโตเลียม) ซึ่งจะขึ้นลงตามราคาตลาดโลก ทำให้ควบคุมได้ยากครับ และการเพาะปลูกแบบนี้ต้องอาศัยสารเคมีปริมาณมาก ทำให้ในระยะยาวแล้วดินเสีย แหล่งน้ำสกปรกปนเปื้อนสารเคมี ทำลายสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และหากเกษตรกรหันมาเพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันมากๆ ก็จะเกิดปัญหา “สินค้าล้นตลาด” ทำให้ราคาตกต่ำ ทำไปทำมาอาจจะ “ขาดทุน” ได้ครับ

 ธุรกิจที่สอง “การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบอินทรีย์”

ธุรกิจการเพาะปลูกพืชผลอย่างที่สองนี้จะเน้น “เกษตรปลอดสาร” ข้อดีก็คือ ต้นทุนมักจะต่ำกว่าการใช้สารเคมี ใช้ปุ๋ยเคมี ที่ราคานั้นอ้างอิงกับตลาดโลก เพราะปุ๋ยอินทรีย์นั้นทำได้ทั้งหมักใช้เอง และใช้แบบสารสกัดที่ราคาไม่แกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ตามราคาตลาดโลก เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ง่ายกว่า และที่สำคัญเทรนด์การบริโภคอาหารของโลกใบนี้จะเป็นกระแสของการบริโภคอาหารปลอดสารพิษ ทำให้สินค้าเกษตรปลอดสารนั้นขายได้ราคาดีกว่า และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีตกค้าง ผู้บริโภคก็ไม่เป็นโรคสะสมสารพิษ เกษตรกรก็สุขภาพแข็งแรงเพราะไม่มีสารเคมีสะสมในร่างกาย และผมเข้าใจว่าการบริโภคพืชผลปลอดสารพิษจะเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็วในอนาคตครับ

(ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม… “อนาคตข้าวไทย” ผมฝันเห็นบ้านเราจะยกระดับการเกษตร การปลูกข้าว จาก “ข้าวเคมี” ไปเป็น “ข้าวอินทรีย์” เพราะข้าวเคมีนั้นเป็น “ข้าวราคาถูก” คือขายได้จริงไม่ถึงตันละ 1.5 หมื่นบาทครับ … ผิดกับข้าวอินทรีย์ถือเป็นข้าวที่มี value สามารถขายได้ถึงตันละ 6 หมื่นบาท ทั้งที่ต้นทุนถูกกว่าข้าวเคมีมากมาย…ให้ประเทศอื่นผลิตข้าวเคมีที่เป็นข้าวราคาถูกไปเถอะครับ อย่าไปแข่งกับเขาเลย … หันมาปลูกข้าวอินทรีย์ที่มี value up สูงกว่ากันดีกว่าครับ… ต้นทุนถูก ขายได้ราคา คนกินข้าวไม่มีสารเคมีตกค้าง คนขายข้าวก็ร่ำรวยอย่างยั่งยืน สิ่งแวดล้อมก็ไม่เสียหาย ทรัพยากรธรรมชาติก็อุดมสมบูรณ์...)

 ธุรกิจที่สาม “ธุรกิจขายอุปกรณ์การเกษตร”

 ผมต้องขอออกตัวว่าผมอยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้ครับ โดยสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกที่ผมทำอยู่ในปัจจุบันคือ อาหารเสริมสูตรชีวภาพที่ใช้กับพืชผลทางการเกษตร และใช้ในครัวเรือน … จากการที่ผมเองคลุกคลีอยู่ในธุรกิจนี้มานานหลายปี ผมพบว่า… กระแสของเกษตรปลอดสาร เกษตรชีวภาพ และการบริโภคอาหารปลอดสารพิษ อาหารสุขภาพ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และเทรนด์ที่ผมสังเกตเห็นค่อนข้าง “ชัดเจน” ในปัจจุบันก็คือ กระแสที่ผู้คนหันมาปลูกผักทานเองในครอบครัวครับ … เพราะการที่เราปลูกเอง กินเอง นั้นเรามั่นใจ 100% ว่าเราใส่อะไรไปบ้าง ใส่ปุ๋ยชีวภาพ หรือปุ๋ยเคมี และส่วนใหญ่แล้วคนมักจะเลือกแนวทางปลอดสารเคมี เนื่องจากการปลูกผักกินเองในรั้วบ้านนั้น หากเราใช้สารเคมี เด็กๆ ในครอบครัวก็จะได้รับไปด้วย ผักที่เราปลูกเองนอกจากจะปลอดสารแล้ว ยังรู้สึกดี เพราะเราปลูกเองกับมือ… ในเรื่องของธุรกิจของผมนั้นผมต้องบอกว่า “อนาคตสดใส” และยังไปได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยครับ

 เป็นอย่างบ้างครับ… ธุรกิจที่ผมยกตัวอย่างมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจเกษตรที่มีมากมายในปัจจุบัน ไว้คราวต่อๆ ไปผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์ที่ผมได้ “คลุกคลี” อยู่ในวงการเกษตรโดยเฉพาะเกษตรในบ้านเราให้คุณผู้อ่านได้รับพิจารณากันใหม่ โปรดติดตามนะครับ… ปล.หากใครต้องการทราบเรื่องราวของ “ธุรกิจเกษตร” ก็หลังไมค์มาคุยกันได้นะครับ หรือหากสนใจผลิตภัณฑ์ “โตชัวร์” ก็แวะเข้าไปทักทายกันได้ https://www.facebook.com/gotosure

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นครับ

(นายแว่นธรรมดา)

เปิดรับสมัครสมาชิก

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยสมาชิกจะได้รับหนังสืออีบุ๊กส์ฟรี 1 เล่มจาก “ร้านหนังสืออีบุ๊กส์ นายแว่นธรรมดา” มีหนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว ให้เลือกซื้อแล้วนะครับ สำหรับสมาชิก 9 ปี ดาวน์โหลดหนังสือฟรี 1 เล่มครับ… สมาชิกตลอดชีพรับฟรีอีบุีกส์ 2 เล่ม เข้าไปดูวิธีการสั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ครับ
http://naiwaenstore.com/store/how-to-order/

สมัครสมาชิก

2 replies
  1. Gentechnology Thailand
    Gentechnology Thailand says:

    Sathaporn Apairat กลุ่มที่หันมาปลูกข้าวอินทรีย์ตอนนี้มีมากขึ้นแล้วนะครับถ้าลองติดตามกลุ่มชาวนาดู ส่วนใหญ่จะทำกันเพราะเน้นลดต้นทุนจากยาเคมีและปุ๋ยเคมี แต่ก็ยังไม่ได้เป็นแบบไร้เคมี100% เพราะบางช่วงถ้าโดนพวกแมลงเล่นงานหนักๆเอาไม่อยู่ก็ต้องพึ่งเคมีบ้าง แต่จะใช้กันน้อยมากแบบว่าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่อยากใช้กัน พอดีผมติดตามเพจของคุณชัยพล ยิ้มไทร ปริญญาชาวนา ที่เคยออกรายการฅนค้นฅน กับกลุ่มชาวนาวันหยุด

Comments are closed.