ลงทุนในกองทุนรวมอย่างไรให้รวย?
การลงทุนในกองทุนรวมจะช่วยให้เรามีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร? หลายคนคิดว่าการลงทุนในกองทุนรวมสามารถทำให้เรามั่งคั่งได้ แต่ก็มองภาพไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไร บทความชุดนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า… เราจะลงทุนในกองทุนรวมอย่างไรให้รวยครับ
ก่อนอื่นผมขอยกตัวอย่างคน 2 คน ที่มีเงินเก็บอยู่ 1 ล้านบาท
คนแรก เอาไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี หมายความว่า คนๆ นี้จะได้ดอกเบี้ย 3 หมื่นบาทต่อปี ทิ้งไว้ 10 ปี จะได้เงินต้นรวมดอกเบี้ย 1.3 ล้านบาท
คนที่สอง เอาเงินไปลงทุนกับกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 10% ต่อปีเชื่อหรือไม่ครับว่าคนๆ นี้จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 10 ปี ประมาณ 2 ล้านบาท และหากคนๆ นี้นำเงินปันผลไปลงทุนแบบทบต้น (ทบลงไปทุกๆ ปี) ผลตอบแทนจะกลายเป็น 2.59 ล้านบาท!! (ตามรูป)
คุณผู้อ่านเห็นพลังแห่งการลงทุน พลังแห่งการทบต้นหรือไม่ครับ… ใครว่าการลงทุนในกองทุนรวมนั้นยาก แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ยากอย่างที่คิดครับ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรติดตามบทความนี้นะครับ… ก่อนอื่นเรามาดูกันว่ากองทุนรวมนั้นมีอะไรบ้าง แบบไหน ลักษณะอย่างไร ติดตามกันเลยครับ
กองทุนรวมตลาดเงิน คือ เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในเงินฝากของธนาคาร บัตรเงินฝากธนาคาร หรือบัตรเงินฝากสถาบันการเงิน หรือตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เช่น ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจอายุต่ำกว่า 1 ปี และหุ้นกู้เอกชนที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งบางทีจะเรียกกองทุนชนิดนี้ว่า กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
ผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมตลาดเงิน
ผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงินใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรืออาจสูงกว่าเล็กน้อย
ข้อดีกองทุนรวมตลาดเงิน
– มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากเป็นกองทุนเปิด ที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ทำให้เมื่อต้องการใช้เงินเมื่อใด ก็สามารถขายคืนได้เลย โดยส่วนใหญ่ยังกำหนดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถรับเงินได้เร็ว เช่น ภายในวันรุ่งขึ้นนับจากวันที่ผู้ลงทุนสั่งขายหน่วยลงทุน
– เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในบรรดากองทุนทั้งหลาย และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยมากจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร โอกาสที่จะขาดทุนจากกองทุนประเภทนี้มีโอกาสน้อยมากจนแทบไม่มีเลย
– มีความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุนน้อย เนื่องจากเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นมาก ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อนข้างน้อย
ข้อด้อยกองทุนรวมตลาดเงิน
– อาจจะถูกเบี้ยวหนี้ได้ ซึ่งมีผลรุนแรงทำให้ผลตอบแทนลดลง หรือบางครั้งอาจร้ายแรงถึงขนาดทำให้เงินต้นลดลงเลย
– ไม่ควรลงทุนในระยะที่ยาวเกินไป (เกิน 3 เดือนขึ้นไป) เพราะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แบบธรรมดา
ความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน
– ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ คือ การที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ ซึ่งเป็นตราสารหนี้แบบหนึ่ง ไม่มีเงินพอที่จะชำระหนี้ตามกำหนด ทำให้บริษัทกองทุนรวม ต้องแทงหนี้สูญไปก่อน ทำให้ผลตอบแทนที่ควรจะได้ลดลง หรือ อาจทำให้เงินต้นสูญหาย
– ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตราสารหนี้ อันเนื่องมาจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ซึ่งอาจทำทำให้อัตราผลตอบแทนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ เนื่องจากตอนที่ออกตราสารหนี้ อัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ที่ค่าหนึ่ง เช่น สมมติว่าซื้อตราสารหนี้เอาไว้ตอนดอกเบี้ย 7 % ดังนั้นเมื่อคำนวณผลตอบแทนของตราสารหนี้ก็คำนวณที่ 7% แต่เมื่อเวลาผ่านไป อัตราดอกเบี้ยเกิดเพิ่มเป็น 9 % ถ้ายังถือตราสารหนี้นั้นอยู่ก็จะได้ผลตอบแทนแค่ 7 % ในขณะที่คนอื่นที่ซื้อตราสารหนี้ที่ออกใหม่ ก็จะได้อัตราผลตอบแทนที่ 9 % ดังนั้นตราสารที่เราถือ ก็จะมีคนต้องการน้อย
วิธีการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน
สามารถซื้อและขายได้ทุกวันทำการของธนาคาร โดยปัจจุบันเราสามารถทำรายซื้อขายการผ่านทางโทรศัพท์ และ Internet เรียกได้ว่าสะดวกกว่าแต่ก่อนมากมายเลยครับ
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ คือ กองทุนรวมที่บริษัทจัดการจัดตั้งขึ้น เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนไปซื้อ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ และบริหารอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ อาทิเช่น อาคารสำนักงานเพื่อการพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า บ้านเช่า สนามบิน โรงแรม ศูนย์การค้า โรงงาน ที่อยู่อาศัยประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และอาคารโกดังสินค้า เป็นต้น โดยมุ่งเน้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของค่าเช่า โดยรวมแล้วกองทุนจะมุ่งเน้นที่การบริหารอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มากกว่าการซื้อทีดินเปล่าหรือซื้ออาคารมาเพื่อการพัฒนาและขายต่อ โดยที่กองทุนจะให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) และส่วนต่างของราคาเวลาซื้อขายกองทุน (Capital Gain) โดยความถี่ในการจ่ายเงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ จะมีอยู่สามแบบคือ รายไตรมาส รายครึ่งปี และรายปี ซึ่งกองทุนอสังหาฯ ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะจ่ายเงินปันผลเป็นรายไตรมาส
ประเภทของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
- กองทุนที่ลงทุนในสิทธิการเช่าของอสังหาริมทรัพย์ หรือ Leasehold คือ กองทุนไม่ได้ซื้อตัวอสังหาริมทรัพย์แต่ซื้อสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น จึงไม่มีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน จะมีเพียงสิทธิในการนำอสังหาริมทรัพย์นั้นไปหาผลตอบแทนในช่วงระยะเวลาของสัญญาเช่า ซึ่งถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าก็ต้องคืนอสังหาริมทรัพย์ให้เจ้าของ ดังนั้นเมื่อหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว สิทธิการใช้สินทรัพย์จะหมดลงตามสัญญาเช่า หลังจากนั้นกองทุนก็จะต้องคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวกลับไปให้เจ้าของ และไม่สามารถหาประโยชน์บนอสังหาริมทรัพย์นั้นได้อีก ดังนั้นกองทุนจะได้รับรายได้ค่าเช่าในช่วงที่อยู่ในระยะเวลาสิทธิการเช่าเท่านั้น ซึ่งผลตอบแทนหลักที่เพื่อนๆจะได้นั้นจะมาจากเงินปันผลที่กองทุนนั้นๆได้จ่ายออกมา และที่อยากเน้นย้ำคือมูลค่าพื้นฐานของหน่วยลงทุนกองทุนประเภท Leasehold นี้ จะทยอยลดลงตามระยะเวลาสิทธิการเช่าที่เหลือน้อยลงไปด้วย เนื่องจากกองทุนมีการจ่ายผลตอบแทนคือเงินปันผลและเงินต้นที่ทยอยคืนมาตลอดอายุสัญญาการเช่า ด้วยเหตุนี้ทำให้กองทุนประเภท Leasehold มักจะกำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนประเภท Freehold เนื่องจากในส่วนผสมของผลตอบแทนนั้นจะมีทั้งเงินปันผลจากการดำเนินงานและเงินต้นที่ทยอยจ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยด้วย
- กองทุนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นมาเป็นกรรมสิทธิ์ หรือ Freehold คือ กองทุนซื้อและได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ซื้อขาด” ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของ (ทางอ้อม) ในอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ โดยทั่วไป กองทุนประเภท Freehold จึงดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการยกเลิกกองทุนไป ซึ่งรายได้ของกองทุนรวมจะมาจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ และนำรายได้จากการปล่อยเช่าพื้นที่มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุน และรายได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เมื่อเลิกกองทุน ดังนั้นหากมูลค่าการขายสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนถือกรรมสิทธิ์อยู่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าตอนที่กองทุนเข้าไปซื้อในตอนแรกมูลค่าหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนจะได้รับคืนจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งเพื่อนก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไรที่เกิดจากส่วนต่างของราคาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (Capital gain) เพิ่มเติมด้วยอีกทางหนึ่ง
ผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ผมแบ่งผลตอบแทนเป็นสองประเภทคร่าวๆ ครับ คือ
– เงินปันผลที่กองทุนจ่ายออกมาให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งเงินปันผลดังนี้มาจากค่าเช่าที่กองทุนได้รับจากตัวอสังหาริมทรัพย์นั้นหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วนั่นเอง ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 90 % ของกำไรสุทธิ และโดยทั่วไปจะจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส คือปีละ 4 ครั้ง แต่อาจขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมติผู้ถือหุ้นด้วย ส่วนเงินปันผลที่ได้รับนี้จะถูกหักเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% ด้วยนะครับ
– กำไรจากส่วนต่างราคาที่เปลี่ยนแปลงไป (Capital Gain) เนื่องจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทุนปิด บริษัทจัดการจึงนำไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองคือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นช่องทางซื้อขายให้กับผู้ลงทุนภายหลังจัดตั้งกองทุนแล้ว ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนสามารถเปลี่ยนมือได้ โดยการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากราคาหน่วยลงทุนที่ขายออกสูงกว่าที่ซื้อมา ก็ถือว่าได้กำไร(Capital Gain) ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี คือ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรกับกำไรส่วนนี้
ความเสี่ยงของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
– ความเสี่ยงทั่วๆ ไปจากปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการในการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น ในกรณีที่ศูนย์การค้า สภาวการณ์ต่างๆ อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยวและทำให้ผู้เข้าชอบปิ้งที่ศูนย์การค้าลดลง ทำให้ไม่มีผู้เช่าพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของกองทุนรวม
– ความเสี่ยงภายในจากการขาดสภาพคล่อง เนื่องจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทุนปิด แต่ปริมาณการซื้อขายหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังอาจมีน้อยและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจ และเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไม่เป็นที่นิยมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจมีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องของหน่วยลงทุนและราคาซื้อขายของหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อาจแตกต่างจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ต่อหน่วยหรือราคาหน่วยลงทุนในการเสนอขายครั้งแรก
วิธีการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
สามารถทำได้ โดยหากเป็นช่วงระยะเวลาเปิดเสนอขายทั่วไป ผู้ลงทุนสามารถซื้อได้ที่บริษัทจัดการและตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการนั้นๆ แต่งตั้งขึ้น แต่หากพ้นช่วงแรกไปแล้ว ผู้ลงทุนสามารถไปซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะถูกจัดเป็นหลักทรัพย์อยู่ในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทจัดการจะดำเนินการนำหน่วยลงทุนไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในระยะเวลาตามที่ได้จดแจ้งไว้ในหนังสือชี้ชวน แต่ไม่เกินกว่า 60 วัน นับจากวันจดทะเบียนกองทุน
สรุปว่ากองทุนรวมนั้นมีหลากหลายรูปแบบ บทความต่อๆ ไปเราจะมาเจาะลึกรูปแบบต่างๆ ของกองทุนรวมกันบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนรวมที่จะทำให้ผลตอบแทนแบบ “ทบต้น” ของเราสูงขึ้น เพื่อให้เรามีเงินใช้ยามเกษียณ และไม่ต้องเดือดร้อนลูกหลาน มีอิสรภาพทางการเงินนั่นเองครับ โปรดติดตามนะครับ
เครดิต (Mr. หนุ่ม)
รายละเอียด “Mr.หนุ่ม” นักเขียนประจำเว็บนายแว่นธรรมดา เป็นหนุ่มวิศวกรรุ่นใหม่ไฟแรงจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในระยะยาว ฝากติดตาม Mr. หนุ่ม และบทความจากหนุ่มไฟแรงคนนี้ด้วยนะครับ (นายแว่นธรรมดา)
“เปิดรับสมัครสมาชิก”
เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดาครับ ใครยังไม่สมัครต้องรีบหน่อยนะครับ ของแถมล็อตนี้ใกล้หมดละครับ สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก
ให้ความรู้ดีครับ