GROWTH INVESTOR “สิ่งที่จะทำให้การลงทุนในหุ้นโตเร็วมีพลังมากขึ้น”

นักลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Investor ที่มุ่งมั่น จริงจัง กับการลงทุน ก็เหมือนเข้าห้องสอบเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ หรือสอบเข้าทำงานในหน่วยงานขนาดใหญ่มีความมั่นคง เพราะผลการสอบนั้นสามารถที่จะ “เปลี่ยนชีวิต” ของเราได้หากเราทำข้อสอบได้ถูกต้อง อย่างน้อยที่สุดก็ควรอยู่ในระดับมาตรฐาน หรือ Mean เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุนต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามที่แล้วมา… ใครที่สอบตก ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ เรามาดูแนวคิด สิ่งที่จะทำให้การลงทุนในหุ้นโตเร็วมีพลังเพิ่มขึ้นกว่าเดิมกันดีกว่าครับ

growth

ประการแรก นักลงทุนต้องทำตามกฎการคัดเลือกหุ้นของตนเองอย่างเคร่งครัด

กฎเกณฑ์ที่นักลงทุนจะใช้คัดเลือกหุ้นเข้าสู่พอร์ตการลงทุนต้องมาจากแนวคิดของตัวเอง ที่รวบรวมจากประสบการณ์การลงทุน การศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองครับ ยกตัวอย่างเช่น

–          จะเลือกหุ้นคุณภาพดีที่มีอนาคตเท่านั้น เข้า concept “หุ้นดีต้องมีเรา” ส่วนหุ้นที่ดูไร้อนาคต หรือคุณภาพแย่ๆ เราจะไม่เลือกเข้าสู่พอร์ตการลงทุนโดยเด็ดขาด!

–          หุ้นที่ดีต้องมี Key Success Factor ที่จะมาช่วย Drive Value หรือสะท้อนมูลค่าหุ้นออกมาได้ ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี และถ้ามีมากกว่า 1 Key (มีกุญแจไขความสำเร็จมากกว่า 1 ดอก) จะดีมาก เพราะหากกุญแจหายไปดอกหนึ่ง คือไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด ก็ยังมีกุญแจดอกสำรอง ยิ่งมีหลายอันยิ่งดีครับ

–          ประเมินราคาในอนาคตออกมาในสไตล์ของเรา ทำไมผมจึงบอกว่าให้ประเมินราคาในสไตล์ของตัวเอง ก็เพราะราคาหุ้นนั้นร้อยคนก็ประเมินได้ร้อยราคาครับ การประเมินราคาหุ้น หรือวัดมูลค่าหุ้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของหุ้นด้วย ลองย้อนกลับไปดูรายละเอียดที่ “หุ้น 5 ประเภท”

–          ประเมินโอกาสของความสำเร็จ มองโอกาสความสำเร็จให้ออก และมองหาทางลงด้วยนะครับ เผื่อโอกาสที่เราประเมินนั้นผิดพลาด

ประการที่สอง นักลงทุนหุ้นโตเร็วต้องกำหนดจำนวนหุ้นที่จะส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนของเรา หากเรามีหุ้นน้อยเกินไปก็จะไม่ส่งผลอะไรในภาพรวมของพอร์ตเรา แต่หากเรามีหุ้นมากตัวเกินไปก็จะเริ่มเข้าเขตเสี่ยงสูง ต้องระมัดระวัง และพิจารณาให้เหมาะสมกับนิสัยของเรา

วิธีการประเมินว่าพอร์ตของเราเข้าข่ายเสี่ยงมากเกินไปหรือไม่ นักลงทุนสามารถวัดด้วยค่า Prize per Dividend โดยนำมูลค่าทั้งหมดในพอร์ตมาหารด้วยเงินปันผลรับในแต่ละปี ยกตัวอย่างเช่น หากพอร์ตของเรามีมูลค่า 1 ล้านบาท ถ้าเราได้รับเงินปันผลจากพอร์ตนี้ปีละ 50,000 บาท นั่นเท่ากับพอร์ตเราสามารถคืนทุนภายใน 20 ปี หรือผมให้เป็นความเสี่ยงระดับ 20 เท่า เรามาดูกันว่าความเสี่ยงแต่ละระดับส่งผลอย่างไรกับพอร์ตการลงทุน

10 เท่า หมายความว่าการลงทุนของเราค่อนข้างปลอดภัย เป็นการลงทุนเชิงรับมากกว่าเชิงรุก

15 เท่า หมายความว่าการลงทุนของเราเริ่มเป็นการลงทุนเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ

20 เท่าขึ้นไป หมายความว่าการลงทุนของเราเป็นแบบเชิงรุกเต็มตัว ต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น

ประการที่สาม กำหนดระยะเวลาในการเก็บหุ้น

การกำหนดระยะเวลาในการเก็บหุ้นสำหรับประสบการณ์ส่วนตัวของผมแล้ว หุ้นบางตัวผมเก็บได้ตามเป้าใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน แต่บางตัวกว่าจะเก็บได้ตามที่คิดบางครั้งใช้เวลาเป็นเดือน หรือแม้แต่เป็นปีก็มีครับ โดยเป้าของการเก็บหุ้นผมจะถ่วงน้ำหนักเอาด้วยความเสี่ยงที่ผมรับได้ สำหรับนักลงทุนในหุ้นโตเร็วจะให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีการเติบโตสูงกว่าหุ้นที่เน้นกินเงินปันผล โดยบางครั้งนักลงทุนหุ้นโตเร็วก็จะเข้าถือหุ้นที่มีพีอีสูง! เพราะเชื่อว่าการเติบโตของกำไรจะมาชดเชยค่าพีอีที่สูงได้ในอนาคต ผมเองจะให้น้ำหนักของหุ้นโตเร็ว และหุ้นปันผลเพื่อไว้ถ่วงพอร์ตไม่ให้เสี่ยงจนเกินไปในระดับที่ใกล้เคียง และในบางช่วงจังหวะเวลาน้ำหนักของหุ้นโตเร็วจะมีมากในพอร์ตการลงทุนส่วนตัวของผมครับ

… จงมองหาหุ้นเปลี่ยนชีวิต หุ้นที่ไม่ซื้อวันนี้ อีก 5-10 ปีจะมานั่งเสียใจ “รู้งี้” ซื้อให้มันมีผลกระทบกับชีวิตของเรา… ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เป็นเราใน “อนาคต” …

ประการที่สี่ กำหนดกลยุทธ์การเข้าถือหุ้น และการขายหุ้น

สำหรับการกำหนดกลยุทธ์เพื่อเข้าถือหุ้นนั้นตามหลักการแล้วเราจะต้องคำนวณมูลค่าที่แท้จริง “ในอนาคต” ออกมาให้ได้ ข่าวดีของหุ้นประเภทโตเร็วก็คือ การคำนวณมูลค่าในอนาคตค่อนข้างจะไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายเสียทีเดียว (คุณผู้อ่านสามารถติดตามอ่านการคำนวณมูลค่าหุ้นได้ในหนังสือ “วัดมูลค่าหุ้นไม่ยาก” โดยสำนักพิมพ์ Think Beyond Book เขียนโดยนายแว่นธรรมดานะครับ)

อย่างไรก็ตามการประเมินมูลค่าหุ้นมีรายละเอียดอย่างมาก ผมคงไม่ลงในรายละเอียด แต่ตามหลักการแล้วนักลงทุนต้องคำนวณมูลค่าหุ้นในอนาคตออกมาให้ได้ และหากมีส่วนเผื่อความปลอดภัย หรือ Margin of Safety เราก็จะลงทุนในหุ้นตัวนั้น หลังจากเราซื้อหุ้น เข้าถือหุ้นที่เราศึกษามาเป็นอย่างดีแล้วที่เหลือก็คือ “ความเชื่อมั่น” และอดทนรอคอยอย่างใจเย็นครับ

กลยุทธ์ในการเข้าถือหุ้นที่ผมนิยมใช้และประสบความสำเร็จก็คือการแบ่งไม้เข้า โดยไม้ที่ 1 ผมจะเข้าถือเมื่อรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้เริ่มจะมีแรงซื้อเข้ามา (ที่จริงถ้าเป็นไปได้ผมชอบซื้อตอนหุ้นขาดแรงซื้อ แต่บางครั้งต้องรอคอยนานมาก จึงไม่แนะนำให้ทำตามนะครับ) เมื่อเราซื้อไม้แรกสำเร็จจากประสบการณ์ของผม “หุ้นมักจะตก” ถ้าราคาตกถึงจุดที่เราพอใจ ผมก็จะอัดไม้ที่สองเข้าไป และหลังจากนั้นผมจะใช้สูตร “ทยอยซื้อ” คือ ซื้อเรื่อยๆ เมื่อราคาตก สะสมไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็มีหุ้นหลายแสนหุ้นเข้าไปแล้ว โดยผมจะจัดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวไม่ให้เกิน 25% ของพอร์ต หากเกินกว่านี้ผมจะหยุดซื้อทันที และค่อยๆ รอคอยให้หุ้นสะท้อนมูลค่าของมันออกมา

ประการสุดท้าย “จงอดทนรอคอยอย่างใจเย็น”

ข้อสุดท้ายที่จะช่วยเพิ่มพลังในการลงทุนหุ้นโตเร็วสำหรับผมแล้วถือว่า “สำคัญที่สุด” เพราะธรรมชาติของหุ้นโตเร็วจะโตไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดโตอาจใช้เวลานานเป็นสิบปี หรือแม้แต่หลายสิบปี! ดังนั้นการขายหุ้นก่อนเวลาอันควร จะเป็นความผิดพลาดร้ายแรงของนักลงทุนหุ้นโตเร็ว ผมเองนั้นต้องประสบกับการ “ขายหมู” มาโดยตลอดเมื่อลงทุนในหุ้นโตเร็ว เพราะคิดว่าราคามันขึ้นมาสูงมากแล้ว พีอีสูงจนเกินไปแล้ว และมันก็เป็นความผิดพลาดทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเราต้องมั่นใจจริงๆ นะครับว่าการเติบโตของหุ้นเป็นไปอย่าง “ยั่งยืน” มิใช่แค่ชั่วคราว หรือโตเพราะกำไรพิเศษ หากเป็นอย่างหลังการไม่ยอมขายทำกำไรกลับจะกลายเป็นความผิดพลาดอย่างแท้จริงครับ

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

เปิดรับสมัครสมาชิก

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยสมาชิกจะได้รับหนังสืออีบุ๊กส์ฟรี 1 เล่มจาก “ร้านหนังสืออีบุ๊กส์ นายแว่นธรรมดา” มีหนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว ให้เลือกซื้อแล้วนะครับ สำหรับสมาชิก 9 ปี ดาวน์โหลดหนังสือฟรี 1 เล่มครับ… เข้าไปดูวิธีการสั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ครับ
http://naiwaenstore.com/store/how-to-order/

นายแว่นstore