กลยุทธ์ลงทุนหุ้น : แนวคิด Trend การลงทุนในอนาคต

สำหรับการลงทุนนั้น หากนักลงทุนไม่ได้วางกลยุทธ์เอาไว้ล่วงหน้า = เข้าไปรบโดยไม่มีแผน … มันจะทำให้เราพ่ายแพ้ในที่สุดครับ… สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการลงทุนก็คือ… ลงทุนในธุรกิจที่เป็นตะวันตกดิน หรือธุรกิจที่ใกล้ตาย เพราะต่อให้เราเก่งแค่ไหน แต่แนวโน้มของการประกอบกิจการนั้นไม่มีอนาคต… ก็เหมือนกับจ๊อกกี้เก่งๆ ได้ม้าแก่เป็นพาหนะ จะหวังให้มันควบเข้าเส้นชัยอย่างรวดเร็วก็คงจะเป็นเรื่องยากเย็นกว่าการที่จ๊อกกี้ทั้งเก่ง และม้าศึกทั้งหนุ่มทั้งคึกคัก อย่างหลังดูจะมีโอกาสในการ “กำชัย” ได้มากกว่ากันเห็นๆ

อย่างไรก็ตาม “เมกะเทรนด์” นั้นนักลงทุนต้องดูให้ออกว่ามันเป็นแค่กระแส หรือเป็นเทรนด์ใหญ่จริงๆ (เมกะเทรนด์) หากยังดูไม่ออก ลองพิจารณาเทรนด์เหล่านี้ดูครับ เผื่อจะสนใจลงทุนกับหุ้นในกลุ่มที่มีอนาคตเหล่านี้ดูบ้าง… มาดูกันเลยครับ…

เทรนด์แรก “ผู้สูงอายุ” … ปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทยมีราวๆ 10% แต่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวใน 10-15 ปีต่อจากนี้ ดังนั้นหุ้นโรงพยาบาลจะต้องดีในอนาคตครับ หากเราสังเกตดีๆ จะพบว่า คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรานั้นต่างมีลูกหลานมากมาย… เพราะในสมัยก่อนมีความคิดที่ว่า ยิ่งมีลูกมาก = การลงทุนที่ดี … คนสมัยก่อนจะลงทุนในลูก ประกอบกับค่าใช้จ่ายในสมัยก่อนยังไม่มากเท่าสมัยใหม่ คนรุ่น BABY BOOM จึงมีลูกมาก และลูกของคนเหล่านั้นก็กลายเป็นคนยุค GEN X ที่มีเป็นจำนวนมาก มีบทบาทในสังคมสมัยปัจจุบัน และจะกลายเป็นคนแก่จำนวนมากในอนาคต ดังนั้นหุ้นในกลุ่มสุขภาพ กลุ่มโรงพยาบาลถือเป็นเทรนด์แรกๆ ที่นักลงทุนระยะยาวควรเข้าไปลงทุนเป็นอย่างยิ่งครับ…

เทรนด์ที่สอง “ปริมาณการใช้ไฟฟ้า” … ในเดือนเมษาช่วงที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทะลุ 2.7 หมื่นเมกะวัตต์ต่อวันแล้วครับ นับเป็นสถิติสูงสุด และน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณการใช้ของประชากรไทยที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เทรนด์นี้จึงน่าจับตามองเช่นกัน … อย่างที่เราทราบกันดีว่า ณ.ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้านั้นต้องพึ่งพา GAS ธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ โดยสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจาก GAS ธรรมชาตินั้นมีมากกว่า 70% ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะ “เสี่ยง” หาก GAS ธรรมชาตินั้นหมดไป หรือประเทศเพื่อนบ้านที่เรานำเข้า GAS ธรรมชาติหยุดขายให้กับประเทศไทย ต้องคอยติดตาม หุ้นโรงไฟฟ้า อย่างใกล้ชิด

การลงทุนของภาครัฐเกี่ยวกับพลังงานทดแทน จึงสูงขึ้นมาก แม้ไม่ได้หวังเข้ามาแทนที่พลังงานหลัก แต่ตัวเลขการลงทุนของพลังงานทดแทนนั้นก็มากพอที่จะทำให้เกิด “เมกะเทรนด์” และกำลังเป็นเทรนด์กระแสหลักในตลาดหุ้น ณ.ตอนนี้ครับ

เทรนด์ที่สาม “รถไฟฟ้า” … ปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟฟ้าต่อวันอยู่เกือบ 1 ล้านเที่ยวโดยสาร แต่อนาคตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีความต้องการใช้อยู่ แต่รถไฟฟ้ายังไปไม่ถึง หากมีรถไฟฟ้าครบทุกสาย เชื่อเหลือเกินว่ากระแสเงินสดจะไหลเข้าสู่กิจการเดินรถไฟฟ้าที่แสนสะดวกสบายครับ

เนื่องจากคนกรุงเทพฯ นั้นมีประชากรทั้งหมดกว่า 10 ล้านคน แต่จำนวนคนที่มีโอกาสใช้รถไฟฟ้ายังอยู่แค่ 1 ใน 10 โดยจำนวนนี้ยังไม่นับรวม “ขาจร” คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือแม้แต่คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย อย่างที่นายแว่นธรรมดาได้กล่าวไว้ในบทก่อนๆ เทรนด์ของหุ้นรถไฟฟ้ากำลังมาแน่นอนครับ

เทรนด์ที่สี่ “เทรนด์ของคนเมือง” … เมืองใหญ่ๆ จะมีคนใหลเข้าเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นอสังหาฯ หุ้นสินค้าตกแต่งบ้าน จะตอบสนองการย้ายถิ่นฐานของคนเมืองมากขึ้นครับ

ด้วยจำนวนคนที่มาขึ้นจากสังคมเมืองที่ขยายไปตามหัวเมืองต่างๆ จะเพิ่ม TRAFFIC ของคนในเมืองขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี … คนจำนวนมากนั้นต้องกิน ต้องใช้ ต้องหาที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียมติดริมรถไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องการเดินทางที่สะดวกสบาย ประหยัดเวลาการเดินทาง และควบคุมเวลาได้ เทรนด์ของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ หุ้นตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ จะเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจไม่แพ้เทรนด์อื่นๆ อย่างแน่นอนครับ

                เทรนด์ที่ห้า “ยุคแห่งการสื่อสาร” … ยุคแห่งการสื่อสารกำลังมา คนจะเปลี่ยนมาใช้ข้อมูล DATA แทน และมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองมากครับ

 

                ว่าที่จริงแล้วเทรนด์นี้น่าจะมาถึงแล้ว… แต่จะเป็นต่อไปอีก และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ … โดยปัจจุบันตลาดของการสื่อสารจะมีขนาดตลาดราวๆ 3-4 แสนล้านบาทต่อปี และส่วนใหญ่ยังเป็นการสื่อสารด้วยเสียง หรือ VOICE แต่ในอนาคตการสื่อสารจะถูกแทนที่ด้วย DATA และจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากคนในประเทศ และจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยครับ

                เทรนด์ที่ยกมาทั้ง 5 แบบนั้น ถือว่าน่าจับตามองในมุมมองของนายแว่นธรรมดา ลองมองหาหุ้นลงทุนกันดูนะครับ แต่อย่าลืมว่าเราซื้อหุ้นต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัยด้วยครับ เพราะในยามที่ตลาดดูผันผวนแบบนี้ การมีส่วนลดมากๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนลงได้ครับ