เทรนด์เหล่านี้จะเป็น New S Curve ตัวใหม่ได้หรือไม่?

เทรนด์เหล่านี้จะเป็น New S Curve ตัวใหม่ได้หรือไม่

การลงทุนหุ้นถ้าเราได้เห็นกิจการที่ยังเป็นวุ้น หรือยังเล็กอยู่ แล้ววางเงินลงไป ร่วมเป็นเจ้าของกิจการด้วย เมื่อกิจการเหล่านั้นเติบโต เราก็จะโตตามไปด้วย แต่ปัญหาของกลยุทธ์แบบนี้ก็คือ การมองหากิจการที่จะเป็น New S Curve ตัวใหม่ ลองมาดูว่ามีอะไรเข้าข่ายบ้าง ติดตามกันเลยดีกว่า

S curve

            เทรนด์แรก “กิจการ Start Up

สำหรับ Start Up นั้นหลายตัวมีแววที่จะเป็น New S Curve ตัวใหม่ ยกตัวอย่างเช่น กิจการหนังสืออีบุ๊กส์ อย่าง “อุ๊กบี” ที่มีฐานสมาชิกหลายหมื่นราย หรือกิจการพวก Fintech ต่างๆ แม้แต่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกิน อันได้แก่ วงใน เป็นต้น

ธุรกิจเหล่านี้ยังเล็กอยู่มาก ถือว่ายังเป็นวุ้นก็ว่าได้ แถมมีโอกาสเติบโตในอนาคตจะเป็น New S Curve ตัวใหม่ได้ไม่ยาก และที่สำคัญในอนาคตอันใกล้จะมีตลาดหุ้นสำหรับเทรดกิจการเหล่านี้ ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าจะน่าสนใจแค่ไหน แต่โอกาสมาคู่กับความเสี่ยงเสมอนะครับ

            เทรนด์ที่สอง “การเกษตรแนวใหม่”

กลยุทธ์ลงทุนหุ้นการเกษตรแบบเดิมๆ เกษตรกรจะต่างคนต่างทำ เวลาพืชผลอะไรที่ราคาดีก็จะแห่กันทำ เมื่อสินค้าออกมาพร้อมๆ กันก็จะล้นตลาด แถมเวลาทำยังไม่มีการคำนวณความเที่ยงตรง หรือคำนวณประสิทธิภาพในการใช้ปุ๋ย ไม่มีการศึกษาสภาพดินก่อนเพาะปลูก ทำให้ต้นทุนบานปลาย ทำแล้วมักจะขาดทุนมากกว่ากำไร

แต่ในอนาคตอันใกล้มีสิ่งที่เรียกว่า SMART FARMING คือการทำเกษตรแบบคำนวณต้นทุน หาจุด Breakeven point หรือจุดคุ้มทุน และการใส่ปุ๋ยก็ต้องศึกษาสภาพดิน ด้วยการใช้เทคโนโลยี GPS ระบุพิกัดแร่ธาตุในดิน เวลาใส่ปุ๋ยก็สามารถใส่เฉพาะจุดที่ขาดแร่ธาตุจริงๆ ได้ แถมในอนาคตการบริหารจัดการด้านการเกษตร กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ “เกษตรแปลงใหญ่” ตามนโยบายใหม่ ที่เป็นการรวมตัวให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ก็ไม่แน่เหมือนกันครับว่ากิจการเกษตรอาจกลายเป็น New S Curve ตัวใหม่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

            เทรนด์สาม “การซื้อสินค้าออนไลน์”

การซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยนั้นยังโตน้อยมาก ว่ากันว่ายอดขายของออนไลน์ยังมีแค่ 1% ของยอดขายสินค้าทั้งประเทศ ในขณะที่ประเทศที่มีการซื้อขายของออนไลน์นั้นมียอดขายขึ้นหลัก 10% กว่าของยอดขายรวม หมายความว่าโอกาสในการเติบโตยังมีอีกมาก

kanit_naiwaenเราคงจำยุคหนึ่งกันได้ว่าโทรศัพท์มือถือมียอดใช้แค่หลักแสนหมายเลข และแล้วมันก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหลายสิบล้านเลขหมายในปัจจุบัน ใครที่ซื้อหุ้นมือถือในยุคแรกๆ ก็นอนกินเงินปันผลอย่างสุขสบายในวันนี้ แต่อนาคตใครจะรู้ว่ายอดซื้อขายของออนไลน์อาจเติบโตขึ้นกว่านี้มาก แม้ในต่างประเทศที่มีการเติบโตสูงกว่าก็ยังถือว่าเพิ่งเริ่มต้น อย่างในอเมริกายอดซื้อของออนไลน์สูงจนกระทบกับกิจการค้าปลีกเช่น WalMart ที่ไม่โต และต้องยุบบางสาขาเสียด้วยซ้ำไป

            เทรนด์ที่สี่ “สินค้า Duty Free

เทรนด์นี้น่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ถ้าเราจะไปช็อปสินค้าปลอดภาษี หลายคนจะนึกถึง ฮ่องกง การที่เกาะเล็กๆ อย่างฮ่องกงมีคนไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากการช็อปปิ้งของแบรนด์เนมในราคาปลอดภาษี และในอนาคตหาก “กรุงเทพฯ” จะกำหนดเขตขายสินค้าปลอดภาษี เหมือนอย่างในสนามบินบ้าง คาดว่าคงจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาช็อปปิ้งเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยมีที่เที่ยวหลากหลาย อาหารก็อร่อย และค่าครองชีพยังไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หรือแหล่งอื่นๆ อย่าง ฮ่องกง สิงค์โปร์ เป็นต้น

เทรนด์นี้น่าจะมาในเวลาไม่นาน หุ้นประเภทห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง หรือแหล่งช็อปปิ้งที่มี Traffic สูงๆ รวมทั้งรถไฟฟ้าที่ต้องใช้โดยสารไปซื้อของ ฯลฯ อาจจะมาในอนาคต และกลายเป็น New S Curve ตัวใหม่ของบ้านเรา

shutterstock_162055205-1024x683

เทรนด์ที่ห้า “การท่องเที่ยว”

ปัจจุบันยอดนักท่องเที่ยวในประเทศไทยทะลุจุดสูงสุดไปแล้ว หรือเรียกว่าเป็น New High ของการท่องเที่ยว ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตจากไม่ถึงล้านๆ บาทไทยในอดีต กลายเป็น 2-3 ล้านล้านบาทในอนาคต หรือจะกลายเป็น 2%-5% ของขนาดเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหล่านี้อันได้แก่ สายการบิน สนามบิน โรงแรม อาหารการกิน เป็นต้น แต่เราก็ต้องดูว่าบางตัวมันขึ้นมาพอสมควร และเทรนด์นี้ที่จริงแล้วมันกำลังเกิดขึ้น กำลังเติบโต ไม่ได้เป็นตัวเล็กๆ หรือยังเป็นวุ้น แต่มันเริ่มเติบใหญ่แล้วนั่นเอง

ที่จริงยังมีเทรนด์อีกมากที่จะกลายเป็น New S Curve ตัวใหม่ของประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น การที่ให้คนต่างประเทศถือกรรมสิทธิ์เช่าอสังหาได้ 99 ปี และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าจะถามว่าอะไรจะเป็น New S Curve ตัวใหม่ อาจต้องไปถามเด็กรุ่นใหม่ เพราะในแววตาของผู้ใหญ่จะมีแต่เรื่องอดีต ลองถามเด็กๆ ดูว่าอนาคตเราจะมีอะไรใหม่ๆ บ้าง อาจได้คำตอบที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นไปได้นะครับ (นายแว่นธรรมดา)

naiwaentammada trader

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

#‎หนังสือน่าอ่าน‬ เจาะหุ้น VI เกาะกระแสเมกะเทรนด์

กระแสเมกะเทรนด์ในยุคใหม่มีอะไรบ้าง และเราจะลงทุนอย่างไรให้เกาะไปกับกระแส เพื่อไม่ให้ตกรถ หนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าประสบการณ์ลงทุนในหุ้น จะทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับหุ้นที่เราไม่รู้จัก และปลอดภัยจากการลงทุนได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

หน้าปก เจาะหุ้นวีไอเกาะกระแสเมกะเทรนด์

บทนำ “จุดเริ่มต้นของการลงทุนแนววีไอ”
บทที่ 1 เลือกหุ้นอย่างไรให้ปลอดภัย
บทที่ 2 เจาะหุ้นเหล็ก
บทที่ 3 ยุคแห่งพลังงานสะอาด และเมกะเทรนด์โรงไฟฟ้า
บทที่ 4 บทเรียนหุ้นพลังงานทดแทน
บทที่ 5 เจาะแก่นหุ้นเล็กโตไว
บทที่ 6 วีไอซื้อหุ้นต้องดูอะไรบ้าง?
บทที่ 7 ประสบการณ์ลงทุนหุ้นโภคภัณฑ์
บทที่ 8 ประสบการณ์ลงทุนหุ้นรถไฟฟ้า และหุ้นคอนโดมิเนียม

ติดตามได้ที่นี่เลยครับ “คลิ๊กเพื่อเข้าสู่หนังสือ”

หากยังไม่จุใจ สามารถหาอ่านเรื่องราวของแนวคิดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และการตกแต่งบ้าน หลากหลายสไตล์ คลิ๊กอ่านต่อได้เลยจ๊า… คลิ๊กอ่านที่นี่

สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับอานิสงค์ โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าในเมือง ก็คือ “คอนโดมิเนียม” นั่นเอง

ติดตามอ่านทุกเรื่องราวของ “คอนโดมิเนียม ทำเลเด่น” คลิ๊กอ่านต่อที่นี่เลยครับ

www.topofliving.com : สนใจติดต่อให้ทีมงานไปรีวิวโครงการเด่นน่าสนใจ

และผู้ที่สนใจต้องการลงอสังหาริมทรัพย์เพื่อประชาสัมพันธ์ หรือฝากขายติดต่อที่นี่ครับ  [email protected]

mini LOGO TOP