#HowtoVI : นักลงทุนแนว VI (Value Investor) ต้องคิดยังไงให้ประสบความสำเร็จ

“นักลงทุนแนว VI (Value Investor) ต้องคิดยังไงให้ประสบความสำเร็จ”

การลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ Value Investment นั้นแท้จริงมีหลายแขนง แต่ทุกแขนงล้วนมีรากฐานเดียวกัน ก็คือ การลงทุนแนวเน้นคุณค่าเป็นศาสตร์ของการหาหุ้นที่จุดเริ่มต้นของการเติบโต หรือนักลงทุนบางคนอาจนิยามต่างไปจากนี้ แต่สำหรับผมแล้ว หากเราเริ่มลงทุนที่จุดเริ่มต้นของการเติบโตเราจะชนะตลาดได้เกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

จากประสบการณ์ตรงของผมนั้น ถ้าเราซื้อหุ้นที่มีแต้มต่อ หรือมีราคาต่ำกว่ามูลค่าถือว่าเราทำได้ดีเพียงครึ่งเดียว แต่ทำได้เท่านี้โอกาสขาดทุนก็เหลือน้อยลงมากแล้ว อีกครึ่งที่เหลือก็คือ เราต้องซื้อหุ้นดีที่มีการเติบโตในอนาคตด้วย และการที่เราซื้อแบบมีแต้มต่อ หมายถึง เราซื้อกิจการในช่วงต้นๆ ของธุรกิจ หรือผมเรียกมันว่าเป็น “Early State” คือช่วงเริ่มต้นนั่นเอง

vi

ปรับแนวคิดการลงทุนก่อนเป็น VI

ก่อนที่คุณคิดจะเป็นนักลงทุนแนวนี้ ต้องปรับแนวคิดกันก่อนครับ เพราะนักลงทุนแนววีไอนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป มันมีความเสี่ยงแฝงอยู่ เนื่องจากการลงทุนแนววีไอเราต้องมั่นใจในกิจการที่เราคัดสรรมาแล้ว ดังนั้นเวลาราคาหุ้นตกลงอย่างรวดเร็ว พวกเรามักจะ Cut Loss หรือตัดขาดทุนไม่ทันการณ์ และจะต้องเจ็บตัวกว่านักลงทุนแนวอื่น ในกรณีเลวร้ายอาจขาดทุนได้ถึง 50% ของเงินต้นก็มี

ดังนั้นการปรับแนวคิดก่อนการลงทุนสำหรับชาววีไอจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เพราะถ้าคุณเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่มันผิด ก็เหมือนคุณได้กลัดกระดุมผิดเม็ดตั้งแต่เริ่ม มันจะผิดเป็นทอดๆ และสร้างความเสียหายให้กับพอร์ตการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ลองมาดูว่ามีแนวคิดอะไรบ้างที่ต้องปรับกัน

กลยุทธ์จับจังหวะลงทุนประการแรก “คิดลงทุนให้เหมือนเราเป็นเจ้าของธุรกิจ”

แนวคิดนี้ฟังดูฟื้นๆ แต่มันเป็นหลักฐานหลักของการลงทุนระยะยาว เพราะหากเราไม่มีความคิดที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็จะสนใจแต่ราคาหุ้น ทำให้การซื้อของเรานั้นขาดปัจจัยพื้นฐานมารองรับ บางครั้งซื้อหุ้นราคาแพงเกินไป หรือซื้อหุ้นราคาถูกจริง แต่มีถูกกว่า

แต่ถ้าเราคิดให้เหมือนเจ้าของธุรกิจ เราจะต้องเช็คดูก่อนว่าสภาพกิจการดีจริงหรือไม่ มีหนี้สินเท่าไร เป็นหนี้ดี หรือหนี้ไม่ดี มีหนี้ระยะสั้นกู้มาลงทุนระยะยาวหรือไม่ (ซึ่งผิดปกตินะครับ) มีปัญญาจ่ายหนี้มั้ย รายรับเป็นอย่างไร เติบโตหรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร หากมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณไม่ดี มันบอกเราได้ว่าผู้บริหารให้เงินเดือนตัวเองมากไปหรือเปล่า? หรือบริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายไม่เป็นหรือไม่อย่างไร?

ประการที่สอง “คิดถึงราคายุติธรรมของหุ้น หรือ Fair Price

เมื่อนักลงทุนแนววีไอคิดแบบเจ้าของธุรกิจแล้ว ก็ต้องมาคิดถึงราคายุติธรรมของหุ้นที่เราจะเป็นเจ้าของ การเป็นเจ้าของกิจการนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะถ้าคุณเล่นกับมันมันก็จะกัดเอา ทำเราขาดทุนดื้อๆ ก่อนจะซื้อหุ้นทุกครั้งเราต้องคำนวณมูลค่ายุติธรรมเป็น หรือ ราคา Fair Price ของหุ้นที่เราสนใจ

หลักการคำนวณมูลค่าหุ้นแบบที่นิยมใช้กัน ได้แก่

  • คำนวณมูลค่าจากความถูกแพงของหุ้น หรือ PE Model โดยค่าพีอี คือ อัตราส่วนราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น ถ้าพีอีสูงแสดงว่าหุ้นมีราคาแรงแพงไปหน่อย แต่ถ้าพีอีต่ำแสดงว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาถูก แต่การใช้พีอีก็เป็นศิลปะ พีอีถูกไม่ได้หมายความว่าหุ้นดีเสมอไป เราจะกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดในตอนต่อๆ ไป
  • คำนวณมูลค่าจากการเติบโตของกิจการ หรือ PEG Model วิธีนี้ต่อยอดมากจากวิธีแรก หากเราพบกิจการที่มีการเติบโต 10% ต่อปี แล้วพีอีของกิจการ 10 เท่า แบบนี้หมายความว่ากิจการนี้มีมูลค่ายุติธรรม โดยค่า PEG คือ อัตราส่วนระหว่าง PE / Growth โดยการเติบโตของกิจการ หรือ Growth เราสามารถคำนวณได้จากการเติบโตของยอดขาย และกำไร และทำเป็นแนวโน้มเพื่อหา %Growth rate ของกิจการนั่นเอง
  • คำนวณมูลค่าจาก %ปันผล หรือ Divined Model วิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยค่า %ปันผล ที่ตลาดยอมรับได้ถ้าอยู่ราว 3% เราสามารถนำกำไรต่อหุ้นหารด้วย 03 เพื่อให้ได้มูลค่ายุติธรรมออกมา ยกตัวอย่างเช่น หุ้น A มีกำไร 1 บาทต่อหุ้น เราต้องการปันผล 3% ราคาหุ้นที่ควรจะเป็น คือ 1/0.03 = 33.33 บาทต่อหุ้น

ประการสุดท้าย “เป็นวีไอต้องขยัน อ่านหนังสือเยอะๆ”

วิธีคิดของนักลงทุนวีไอประการสุดท้ายที่จะนำเสนอก็คือ “ต้องขยัน ขยัน และขยัน” การเป็นนักลงทุนแนววีไอ หรือนักลงทุนแนวพื้นฐานนั้นมันไม่ง่ายเหมือนนักลงทุนแนวเทคนิคคอล ที่แค่อ่านกราฟหุ้นก็ลงทุนได้แล้ว แต่นักลงทุนแนววีไอต้องขยันอ่านพื้นฐานของกิจการ เอกสารที่ต้องอ่านแน่ๆ ได้แก่ 56-1 รายงานการประชุม รายงานการบริหารจัดการแต่ละไตรมาส หรือ MD&A การเข้าร่วมประชุมวัน Opp day เป็นต้น

การขยันอ่าน ขยันหาข้อมูลจะทำให้เรา “แน่น” และลดความผิดพลาดในการลงทุนไปอย่างมากมาย ที่สำคัญเราต้องไม่มีอคติ คิดว่าหุ้นเราดีที่สุดแล้ว ความคิดแบบนี้นำมาซึ่งหายนะเสมอ แต่เราควรหมั่นหาจุดอ่อน หรือ “จุดตาย” ของกิจการที่เราถืออยู่ หาทางหนีทีไล่เอาไว้ เผื่อฉุกเฉินจะได้หลบได้ทันนั่นเอง ที่สำคัญต้องเป็นนักอ่าน และขยันกว่าการลงทุนแนวอื่นหลายเท่าตัว

ใครคิดจะเป็นนักลงทุนแนวนี้ หนีไม่พ้นว่าคุณต้องขยันกว่าคนอื่น หากคิดว่าไม่เหมาะกับเราควรมองหาแนวทางอื่นโดยเร็ว แต่สำหรับตัวผมเองนั้น การลงทุนแนววีไอ สร้างความมั่งคั่ง และเปลี่ยนชีวิตผมได้ ผมเจอมาแบบนี้จึงถ่ายทอดออกไปแบบนี้ แต่ใครถนัดอะไรก็ทำตามที่เราถนัดจะดีที่สุดครับ

สนใจการลงทุนอสังหา “คลิ๊กอ่านที่นี่ครับ”

นายแว่นธรรมดา Profile

 

ไม่มีเวลาอ่านฟังในรูปแบบคลิ๊ปเสียง “คลิ๊กที่นี่”

อ่านหุ้นรถไฟฟ้าเพิ่มเติม “คลิ๊กเพื่ออ่าน”

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

#‎หนังสือน่าอ่าน‬ เจาะหุ้น VI เกาะกระแสเมกะเทรนด์

กระแสเมกะเทรนด์ในยุคใหม่มีอะไรบ้าง และเราจะลงทุนอย่างไรให้เกาะไปกับกระแส เพื่อไม่ให้ตกรถ หนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าประสบการณ์ลงทุนในหุ้น จะทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับหุ้นที่เราไม่รู้จัก และปลอดภัยจากการลงทุนได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

หน้าปก เจาะหุ้นวีไอเกาะกระแสเมกะเทรนด์

บทนำ “จุดเริ่มต้นของการลงทุนแนววีไอ”
บทที่ 1 เลือกหุ้นอย่างไรให้ปลอดภัย
บทที่ 2 เจาะหุ้นเหล็ก
บทที่ 3 ยุคแห่งพลังงานสะอาด และเมกะเทรนด์โรงไฟฟ้า
บทที่ 4 บทเรียนหุ้นพลังงานทดแทน
บทที่ 5 เจาะแก่นหุ้นเล็กโตไว
บทที่ 6 วีไอซื้อหุ้นต้องดูอะไรบ้าง?
บทที่ 7 ประสบการณ์ลงทุนหุ้นโภคภัณฑ์
บทที่ 8 ประสบการณ์ลงทุนหุ้นรถไฟฟ้า และหุ้นคอนโดมิเนียม

ติดตามได้ที่นี่เลยครับ “คลิ๊กเพื่อเข้าสู่หนังสือ”