รู้สู้เฟ้อ ตอนที่ 1 "… ปัญหาของมนุษย์เงินเดือน …"

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่คอลัมน์ “บริหารการเงินส่วนบุคคล ไม่ยาก” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินของเราต่อสู้กับเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และภาษี อันจะนำมาซึ่งการกัดกร่อนความมั่งคั่งของเรานั่นเองครับ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ท่านๆ ทำงานหมดไปเป็นเดือนๆ พอสิ้นเดือนตาก็ลุกวาวที เพราะจะได้รับ “เงินเดือน” น่ะซิครับ

อันที่จริงแล้วการรับเงินเดือนก็คือการผลิต “กระแสเงินสด” อย่างหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามครับ เพราะกระแสเงินสดนั้นจะนำเอาความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตของเราได้ ส่วนวิธีการที่จะนำเอาความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตด้วยกระแสเงินสดเราจะพูดคุยกันต่อในบทต่อๆ ไปครับ แต่สำหรับบทเริ่มต้นนี้ผมอยากจะแนะนำให้รู้จักกับเจ้า “ตัวปัญหา” สำหรับมนุษย์เงินเดือนกันเสียก่อน ส่วนตัวปัญหาที่ว่ามันคืออะไรโปรดติดตามได้เลยครับ

ทำไมมนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องจนลงทุกปีด้วยล่ะ ก็เพราะในโลกใบนี้มีเจ้าตัวปัญหาที่คอยกัดกินเงินของเราอยู่ยังไงล่ะครับ เจ้าตัวปัญหาที่ว่านั่นก็คือ “เงินเฟ้อ” แล้วเจ้าเงินเฟ้อ คืออะไรอ่ะ …

[premium level=”1″ teaser=”no” message=”หากต้องการอ่านบทความเพิ่มเติม กรุณา”]

เงินเฟ้อถ้าอธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ การลดลงของค่าเงินในแต่ละปีนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อ 3% ต่อปี หมายความว่าหากเรามีเงิน 100 บาท ถ้าเราเก็บเงินเอาไว้เฉยๆ พอสิ้นปีเงิน 100 บาทจะเหลือเพียง 97 บาท หรือลดลงไป 3 บาทครับ สิ่งที่อธิบายมาเป็นเรื่องราวของเงินเฟ้อแบบง่ายๆ ครับ อันที่จริงมันมีทฤษฏีเกี่ยวกับเงินเฟ้อด้วยเราลองมาดูกัน …

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ภาวะเงินเฟ้อ” เจ้าภาวะเงินเฟ้อมันคืออะไรกันแน่นะ… อย่างที่ผมเคยกล่าวไปแล้ว่า… หากผมลองสมมติดูว่าหากภาวะเงินเฟ้อของประเทศไทยคือ 10% ต่อปี หมายความว่าเงิน 100 บาทในมือเราจะหดหายไป 10 สิบบาท เหลือเพียง 90 บาทในเวลาหนึ่งปี… เหมือนโดนปล้นกลางอากาศเลยล่ะครับ… เงินหายไปต่อหน้าต่อตา… ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมันเงินเฟ้อก็จะกินเงินออมของเราไปเรื่อยๆ ข้าวของจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับเงินสดในมือเราที่ลดค่าลงเรื่อยๆ ครับ

ทุกวันนี้เรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

ลองสำรวจตัวเองดูครับว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตบ้าง ผมลองจำลองชีวิตของนิคดู นะครับ

เนื่องจากนิคทำงานประจำมาพักหนึ่งแล้วจึงมีเงินเดือนราวๆ 1.5 หมื่นบาทเป็นรายรับประจำ แต่เงินเดือนที่ได้รับจริงหลังหักภาษี และประกันสังคมน้อยกว่านั้นครับ ผมเอาตัวเลขง่ายๆ ก็แล้วกัน…

รายรับประจำ  = 1.4 หมื่นบาท

รายจ่ายประจำ

ค่าเดินทาง = 2000 บาท / เดือน

ค่ากิน = 4000 บาท / เดือน

ค่าเช่าหอ = 3000 บาท / เดือน

ค่าโทรศัพท์ = 1000 บาท / เดือน

รวมรายจ่ายประจำ = 10000 บาท / เดือน

จะเห็นว่ายังมีเงินเหลือนะครับ แต่อันที่จริงแล้วยังมีรายจ่ายอื่นๆ อีก

รายจ่ายไม่ประจำ

ค่าบัตรเครดิต = 3000 บาท / เดือน

ค่าภาษีสังคม (ซองผ้าป่า กินเลี้ยงสังสรร) = 500 – 1000 บาท / เดือน

รวมรายจ่ายไม่ประจำ (คิดที่ค่าใช้จ่ายสูงสุด) = 4000 บาท / เดือน

หากรวมรายจ่ายไม่ประจำเข้าไปปรากฏว่า “หมดพอดี” ครับ

กรณีข้างต้นยังถือว่า “โชคดี” ที่ค่าใช้จ่ายรวมกันแล้วหมดพอดี หรือที่เราเรียกกันว่า “เดือนชนเดือน” นั่นเอง แต่ในหลายครั้งค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่ารายรับ ทำให้เราไม่มีเงินเก็บเลย แถมยังมีเจ้า “เงินเฟ้อ” ตัวฉกาจ ที่คอยดักจับความมั่งคั่งของเราให้ลดลงเรื่อยๆ อีกด้วย

จะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้…

เรื่องราวของการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และการบริหารการเงินส่วนบุคคลจะลงเอยอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ

(นายแว่นธรรมดา)

[/premium]

แนะนำตัวละคร

ซี่รี่ย์การ์ตูน “รู้สู้เฟ้อ” เป็นการ์ตูนที่จะมาช่วยให้มนุษย์เงินเดือน บริหารจัดการเงินที่มีอยู่ให้งอกเงย ทำอย่างไรให้มนุษย์เงินเดือนสามารถร่ำรวยได้ และไม่ลำบากยามเกษียณ การเล่าเรื่องผ่านตัวการ์ตูนชื่อ “นิค” พนักงานบริษัทธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด แต่เปลี่ยนชีวิตของนิคแบบหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียวครับ จะเป็นอย่างไรบ้าง โปรดติดตามนะครับ …

“นิค” พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ติดกับดักของการกินเงินเดือนที่ไม่ทำให้ร่ำรวยได้อย่างใจหวังซักกะที เจ้าตัวพยายามหาทางที่จะหลุดออกจากกับดักให้จงได้ จนมาพบกับคนๆ หนึ่ง

“มารวย” บรุษปริศนา… ที่มาช่วยนิคให้พ้นจากกับดักของมนุษย์เงินเดือนที่ต้องจนลงทุนปี? เพราะอะไรที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนต้องจนลงทุกปี แล้วจะมีทางแก้ปัญหานี้อย่างไร “มารวย” จะเป็นผู้ช่วยรอดของนิคล่ะครับงานนี้

“เปิดรับสมัครสมาชิก”

เว็บบล็อก “นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดาครับ ใครยังไม่สมัครต้องรีบหน่อยนะครับ ของแถมล็อตนี้ใกล้หมดละครับ สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก

แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนรักกระเป๋าน่ารักๆ  “OBS” หรือ OPEN BAG STORY (https://www.facebook.com/openbagstory) แวะเข้าไปชมกันให้ได้นะคะ